ทัวร์อิตาลี – ทัสคานี – โดโลไมท์

ไฮไลท์ : ทัวร์อิตาลี ภาคเหนือ สัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่อลุงการณ์ของเทือกเขาโดโลไมท์ เส้นทางวาดอร์ เชีย (Val D’Ocia) เส้นทางที่สวยที่สุดในอิตาลี ชมหมู่บ้านซิวิตาสุด Unseen ตามรอยประวัติศาสตร์ยุคกลางที่เมืองอัสซีซี ชมความสวยงามอันมีเอกลักษณ์ตามเมืองสำคัญๆของอิตาลีทางเหนือ  เยือนเกาะเวนิสมหานครทางน้ำ หมู่เกาะบูราโน่กับบ้านสีลูกวาด ชมมหาวิหารดูโอโม่ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน สถานที่ใช้เก็บหมุดที่ใช้ตรึงพระเยซู ลิ้มรสไอศกรีมและไวน์ที่ดีที่สุดในอิตาลี

วันที่ 1 : กรุงเทพ ฯ

• 22.00 น. นัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว Q เคานเ์ตอร์ สายการบินไทย (TG) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้บริการ และอำนวยความสะดวกก่อนขึ้นเครื่อง

วันที่ 2 : กรุงเทพฯ – โรม (Rome) – หมู่บ้านซิวิตา (Civita) – อัสซีซี (Assisi) – เปรูเจีย (Perugia)

• 00.01 น. ออกเดินทางสู่กรุงโรม(Rome)เที่ยวบินที่ TG 944 (ใช้เวลาในการเดินทาง 11 ชั่วโมง 54 นาที)
• 05.55 น. ถึงท่าอากาศนานาชาติเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino International Airport) กรุงโรม ประเทศอิตาลี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแล้วออกเดินทางสู่ หมู่บ้านซิวิตา (Civita) (ระยะทาง 156 กิโลเมตร) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนหน้าผาอายุกว่า 2,500 ปี รู้จักกันในนาม อัฐมณีบนยอดเขา ทำเลของหมู่บ้านถูกกัดเซาะด้วยน้ำและลมโดยรอบจนกลายเป็นหุบเขาที่ปัจจุบันก็ยังเกิดการกัดเซาะทุกๆปี ทางเดินเข้าหมู่บ้านจะต้องเดินผ่านสะพานที่มีความยาวประมาณ 400 เมตร จนถึงซุ้มประตูเมือง ภายในเต็มไปด้วยบรรยากาศยุคโรมันโบราณ ให้ท่านได้เดินชมตามอัธยาศัย
• ออกเดินทางไปยัง เมืองอัสซีซี (Assisi)(ระยะทาง 99 กิโลเมตร) เมืองทางตอนกลางของอิตาลี เมืองยุคกลางที่เต็มไปไปด้วยต้นเจอเรเนียมขนาบสองข้างถนน เมืองเกิดของนักบุญฟรานซิส นักบวชผู้ก่อตั้งคณะฟราสซิสกัน สถานที่ที่นักบุญ และคริสต์ศาสนิกชนนิยมแสวงบุญ ชมวิหารนักบุญพรานซิส (Basilica of St.Francis) โบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อตั้งขึ้นขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 วิหารแห่งนี้ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโก้ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี 2000
• เดินทางเข้าสู่ เมืองเปรูเจีย (Perugia) (ระยะทาง 24 กิโลเมตร) เมืองแห่งการศึกษาที่มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่อายุกว่า 600 ปี เป็นอีกเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายยุคหลายสมัย เต็มไปด้วยอาคาร โบสถ์ที่สวยงามรูปแบบศิลปะผสมผสานระหว่างยุคกธิคและเรเนซองส์
• ที่พัก Perugia Plaza Hotel หรือเทียบเท่า*

วันที่ 3 : เปรูเจีย (Perugia) – มอนเตปูเชียโน่ (Montepulciano) – ปิเอนซ่า (Pienza) – มอนเทลชิโน่ (Montalcino) – เซียน่า (Siena)

• พร้อมแล้วเดินทางสู่ เมืองมอนเตปูเชียโน่ (Montepulciano)(ระยะทาง 65 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาล้อมรอบด้วยไร่องุ่น เป็นเมืองมีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์แดง ให้อิสระในการเดินชมเมืองเก่า จัตุรัสกลาง เลือกซื้อเลือกชิมไวน์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 4
• เดินทางไปยัง เมืองปิเอนซ่า (Pienza) ผ่านเส้นทางที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกเส้นทางที่สุดในอิตาลี วาดอร์ เชีย (Val D’Ocia) บรรยากาศวิวทุ่งนาสองข้างทาง มีต้นไซเปรซเป็นระยะ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้เป็น World Heritage Cultural Landscape เมื่อถึงเมืองปิเอนซ่า ชม จัตุรัสเปียซซ่าปีโอที่ 2 (Piazza Pio II) จัตุรัสกลางที่รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญของเมืองไม่ว่าจะเป็น พระราชวังพำนักของตระกูลปิคโกโลมินี (Piccolomini Family Palace) ศาลากลางจังหวัด หอระฆัง เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านมอนเทลชิโน่ (Montalcino) ระหว่างทางผ่านหมู่บ้าน San Quirico d’Orcia ที่ทัศนียภาพสวยงาม  มอนเทลชิโน่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีชื่อเสียงเรื่องไวน์ที่ดังที่สุดในอิตาลีเรื่องไวน์ ชื่อว่า บูเนลโล(Brunello) แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง โบสถ์ซานต์ อานติโม (Sant’ Antimo)
• นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองเซียน่า (Siena) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร)
• ที่พัก Hotel Siena Degli Ulivi หรือเทียบเท่า*

วันที่ 4 : เซียน่า (Siena) – ซาน จิมิญญาโน่ (San Gimignano) – ลา สเปเซีย (La Spezia)

• ชม จัตุรัส เดล คัมโป(Piazza del Campo) จตุรัสกลางเมืองที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ นำท่านเข้าชม มหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) วิหารประจำสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ประดับประดาตกแต่งสวยงาม ด้านในมีภาพบอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซียน่า จัดเป็น 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี ชมเมืองเก่าเซียน่า (Siena Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995  บรรยากาศเมืองเก่ายุคเรเนซองส์ แวะถ่ายรูปด้านนอกกับ ปาลาซโซ พับบลิโค (Palazzo Pubblico) พระราชวังที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาลเมืองเซียน่า บริเวณด้านข้างมีหอระฆังเก่าแก่ ทอร์เร เดล มานเกีย(Torre del Mangia)
• เดินทางต่อสู่ เมืองซาน จิมิญญาโน่ (San Gimignano)(ระยะทาง 47 กิโลเมตร) เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมของยุคกลางมากมาย ตัวอย่างเช่น หอคอยสูงตระหง่านที่สามารถมองเห็นวิวยาวกิโลเมตร แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง(San Gimignano Duomo) ลักษณะทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ ภายในโบสถ์มีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ กำแพงภายในมีภาพวาดเรืองราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก  ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14  และแนะนำให้ท่านลิ้มรสไอศกรีม Gelato ร้านดัง Gelateria di Piazza ที่การันตีความอร่อยจากรางวัลระดับประเทศและระดับโลกเคยได้แชมป์ World’s Best Ice-Creams of the year จนได้ชื่อว่าเป็นร้านไอศกรีมที่อร่อยที่สุดในโลก
• ออกเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia)(ระยะทาง 157 กิโลเมตร ) เมืองทางตอนเหนือในเขตลิกูเรีย(Liguria)ของอิตาลีอยู่ระหว่าง เมืองเจนัว(Genoa) และ เมืองปีซ่า(Pisa) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
• ที่พัก NH Hotel La Spezia หรือเทียบเท่า*

วันที่ 5 : ลา สเปเซีย (La Spezia) – อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre National Park)

• นั่งรถไฟเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre National Park) เส้นทางที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของเส้นทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีเมืองตั้งอยู่ริมทะเลสาบ คำว่า ซิงเกว เตรเล่(Cinque Terre) ภาษาอิตาเลียนแปลว่า ดินแดนห้าแห่งอันลือชื่อ ซึ่งก็หมายถึง 5 หมู่บ้านสำคัญ ได้แก่ หมู่บ้านมอนเตอรอสโซ่ อัล แมร์ (Monterosso al Mare), หมู่บ้านเวอนันซ่า (Vernazza), หมู่บ้านคอร์นีเลีย (Corniglia), หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) และ หมู่บ้านริโอแมคจิโอรี่ (Riomaggiore)
• นำท่านชม หมู่บ้านริโอแมคจิโอรี่ (Riomaggiore), หมู่บ้านเวอนันซ่า (Vernazza) และ หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ซึ่งคือ 3 หมู่บ้านที่สวยที่สุดใน 5 หมู่บ้าน  โดย หมู่บ้าน มานาโรล่า(Manarola) ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในห้าหมู่บ้านอาคารสีสันสดใส ที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับลงมาหน้าผา ตัดกับสีของน้ำทะเลที่ท่านจะต้องเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมเมือง ก่อนออกเดินทางกลับสู่ เมือง ลา สเปเซีย(La Spezia)
• ที่พัก  NH Hotel La Spezia หรือเทียบเท่า*
• *** การเดินทางเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่(Cinque Terre National Park) จะเที่ยวได้ครบทั้ง 5 หมู่บ้านหรือไม่นั้นขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น  สภาพการจราจร ระยะเวลา หรือสภาพร่างกายของคณะทัวร์ เป็นสำคัญ ***

วันที่ 6 : ปีซ่า – เวนิส (Venice)

• ออกเดินทางสู่ เมืองเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) (ระยะทาง 355 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4ชั่วโมง) มหานครกลางน้ำจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ใช้เรือเป็นยานพหนะหลัก สมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” เวนิสประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายกว่า 118 เกาะ และสะพานมากกว่า 400 แห่ง
• ลงเรือที่ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) เพื่อเดินทางสู่ เกาะเวนิส (Venice Island) ล่องเรือสัมผัสบรรยากาศชมวิถีชีวิต อาคารบ้านเรือนริมแม่น้ำ ก่อนจะขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส
• ชม สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sigh) สะพานที่ในอดีตใช้เป็นสะพานนักโทษได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้าย
• ถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่เคยมีคำกล่าวของนโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป”  ชมโบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยลักษณะโดมใหญ่ 5 โดมตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นให้อิสระท่านได้เดินเมือง
• ที่พัก Hotel Cavaletto & Doge Orseolo Venice Island หรือเทียบเท่า*

วันที่ 7 : เวนิส (Venice) – บูราโน่ (Burano) – มิซูลิน่า (Misurina Lake) – เบรียส (Braies) – คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo)

• เดินทางสู่ หมู่เกาะบูราโน่ (Burano) เมืองเล็กๆที่อยู่ห่างจากเกาะเวนิสประมาณ 10 กิโลเมตร ให้อิสระในการเดินชมเกาะที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสีลูกกวาดเรียงรายสองฝั่งริมน้ำ
• จากนั้นเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ (Dolomite Nation Park) อุทยานในเขตเทือกเขาโลเมทเต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาหินปูนที่นี่มีแร่แมกนีเซียมปน ชื่อว่า โดโลไมท์ หรือโดโลเมทเต้ ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษคือกลางวันเราจะมองเห็นเป็นสีเทาอ่อนไปจนถึงสีขาว  แต่เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดินจะสะท้อนสีส้มชมพู  อุทยานนี้สามารถมองเห็นยอดเขาที่สูงกว่า 3,000 เมตรจากรดับน้ำทะเลได้หลายยอด  เดินทางไปยัง ทะเลสาบมิซูลิน่า (Misurina Lake) (ระยะทาง 172 กิโลเมตร) ทะเลสาบลึกลับที่หลบซ่อนตัวในหุบเขาที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะซึ่งหากสภาพอากาศเป็นใจเราสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของภูเขาจากทะเลสาบเป็นภาพที่สวยงามยิ่งใหญ่เกินบรรยาย
• จากนั้นออกเดินทางไปยัง ทะเลสาบเบรียส (Braies) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies เขตป่าสงวนที่ ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์ อิสระให้ได้ถ่ายภาพเดินสัมผัสบรรยากาศความงดงามของทะเลสาบ
• เดินทางต่อไปยัง เมืองคอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo)(ระยะทาง 43 กิโลเมตร) เมืองสกีรีสอร์ทที่เป็น Best of The Alps เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 1,219เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน For Your Eye Only ที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีอีกทั้งยังเป็นสวรรค์ของนักเดินเขาหรือกิจกรรมนอกสถานที่ต่างๆ
• ที่พัก Villa Argentina Cortina Hotel หรือเทียบเท่า*

วันที่ 8 : คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo) – ออร์ติเซ่ (Ortisei) – วาล ดิ ฟุเน่ – โบลซาโน่

• ออกเดินทางสู่เมืองออร์ติเซ่ (Ortisei) (ระยะทาง 65 กิโลเมตร) ผ่าน Great Dolomite Road ถนนที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง ผ่านแนวหุบเขา หน้าผา และเหวที่ทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาโดโลไมท์  มีหมู่บ้านArabba หมู่บ้านสกีเล็กๆที่มีชื่อเสียงศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ ระว่างทางผ่าน Posso Falzarego และ Passo Gardena ที่มีภูเขาหินตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง แวะถ่ายรูปกับถนนคดเคี้ยว จนกระทั่งถึง เมืองออร์ติเซ่ จากนั้นนั่งกระเช้าขึ้นไปยัง Alpe Di Siusi วิวจากบนภูเขาที่มองลงมาเห็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา รายล้อมด้วยภูเขา มีเทือกเขา Sasolungo Mountain Range ตั้งเด่นเป็นสง่า  ด้านบนมีทางเดินไปยังจุดชมวิวต่างๆ ให้ท่านได้อิสระในการชม จากนั้นนั่งกระเช้ากลับสู่ด้านล่าง เดินทางต่อไปยังเมืองโบลซาโน่
• ** การนั่งกระเช้า ขึ้นกับสภาพอากาศหรือเหตุผลด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าตามเบื้องต้น
• ระหว่างทางไปยัง เมืองโลซาโน่ (Bolzano) เมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่ อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ เมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ เนินเขา ทุ่งหญ้า ไร่องุ่นโดยมีเทือกเขา โดโลไมท์ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง แวะผ่านหมู่บ้าน วาล ดิ ฟุเน่(Val di Funes) จะมีการแวะถ่ายภาพจุดชมวิว Santa Maddalena ที่สวยงาม ภาพโบสถ์สีขาวตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวมีภุเขาและภูเขาหิมะเป็นฉากหลังตัดกับสีของท้องฟ้า ถึงเมืองแล้วนำท่านเดินชมบรรยากาศของเมืองจุดสำคัญๆได้แก่ จัตุรัสกลางเมือง, วิหาร, โบสถ์, ถนนคนเดิน(Piazza Walther) และย่านเขตโบลซาโน ก่อนจะให้อิสระในการช้อปปิ้งจนกระทั่งเวลาอันสมควร
• ที่พัก Four Point by Sheraton Hotel หรือเทียบเท่า*

วันที่ 9 : โบลซาโน่ – ซีรมิโอเน่ (Sirmione) – มิลาน (Milan)

• พร้อมแล้วเดินทางสู่ เมืองซีรมิโอเน่ (Sirmione) (ระยะทาง 156 กิโลเมตร) เมืองที่มี่ทะเลาสาบกราด้า(Garda Lake)ล้อมรอบเหมือนเกาะขนาดย่อมๆ เดินลัดเลาะริมทะเลสาบไปยังจุดชมวิว ชมเมืองบรรยากาศอาคารยุคเก่าที่ผสมผสานความทันสมัยด้วยการมีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมแต่งเติมให้เมืองแห่งนี้ดูคึกคักมากขึ้น  ให้อิสระท่านในการเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย และไม่พลาดที่จะชิมไอศกรีมเจลาโต ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่ามีรสชาติให้เลือกลิ้มลองมากที่สุดในประเทศอิตาลีเลยที่เดียว
• ออกเดินทางไปยัง กรุงมิลาน (Milan)(ระยะทาง 136 กิโลเมตร) เมืองใหญ่อันดับสองของอิตาลี
• ชมวิหารดูโอโม (Duomo) สัญลักษณ์สำคัญของเมืองโบราณสถานที่ไม่ถูกทำลายในช่วงสงคราม บริเวณด้านหน้ามีรูปปั้นของ พระเจ้าวิคเตอริโอเอมมานูเอลที่ 2(Vittorio Emanuele II Monument) ขณะทรงม้า  ภายในวิหารประดับด้วยกระจกสีต่างๆสวยงาม อีกทั้งเป็นที่เก็บหมุดที่ใช้ตรึงพระเยซู ซึ่งทุกเดือนกันยายนจะเปิดให้ประชาชนได้ชมหมุดนี้ได้ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
• อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ย่าน แกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมมานูเอลที่ 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) ย่านช้อปปิ้งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 12 ปี โครงสร้างอาคารที่สร้างจากเหล็ก ตกแต่งด้วยโมเสกรูปทวีปและผลงานภาพจากศิลปินต่างๆ **อิสระท่านรับประทานอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย **
• ที่พัก The Hub Hotel หรือเทียบเท่า*

วันที่ 10 : มิลาน (Milan)

• เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติมาเพนซ่า (Malpensa International Airport)(ระยะทาง 50 กิโลเมตร)
• 14.05 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 941

วันที่ 11 : กรุงเทพฯ

• 05.55 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ(Suvarnabhumi International Airport) กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม