• 21.00 น. นัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว D เคานเ์ตอร์ สายการบินไทย(TG) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้บริการ และอำนวยความสะดวกก่อนขึ้นเครื่อง

• 00.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 944 ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่องตามอัธยาศัย
• 06.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานฟูมิชิโน กรุงโรม ประเทศอิตาลี ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นเดินทางสู่ เมืองสเปอร์ลอนกา (Sperlonga) เมืองทางตอนใต้ของกรุงโรม ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร อยู่ในจลาติน่า(Latina) เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลที่มีชื่อเสียง  คำว่า Sperlonga หมายถึง ‘ถ้ำ’ อาคารสีบ้านเรือนสีขาวไล่ระดับกันตรงเนินเขา มีเมืองเก่าตั้งอยู่บนเขาซึ่งมีบันไดหินที่สามารถเดินไปยังทะเลด้านล่างได้
• ช่วงบ่ายเดินทางสู่ เมืองคาปัว (Capua) แคว้นคัมพาเนีย(Campania)  ชมเมืองโบราณคาปัว ที่ถูกทำลายในช่วงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เข้าชม Santa Maria Capua Vetere Amphitheater (Anfiteatro Campano) ซากอัฒจันทร์โบราณที่ซึ่งทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์ในอดีต ก่อนเดินทางสู่ เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento) เมืองตากอากาศเล็กๆริมอ่าวเนเปิ้ลที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามมากที่สุด บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงเรียงไล่ลำดับลงมาตามความชัน หาดทรายสีขาวและชายฝั่ง Amalfi ที่ยาวกว่า 50 กิโลเมตร Amalfi  ที่มาของเพลง “Comeback to  Sorrento”  อักทั้งยังเป็นบ้านเกิดของนักโอปร่าชื่อดังอย่าง เอนริโก คารูโซ
• ชมจัตุรัสทาซโซ่ (Piazza Tasso) ให้อิสระในการเดินชมย่านกลางเมืองมีช้อปปิ้งสตรีทที่มีชื่อเสียงซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สองฝั่งถนน  ชมวิถีชีวิต บ้านเรือนและโบสถ์สไตล์บารอค
• ที่พักโรงแรม Hilton Sorrento Palace ระดับ 4 ดาว

• เดินทางลัดเลาะ ชายฝั่งทะเลอมัลฟี่โคสท์ (Amalfi Coast) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นชายฝั่งที่สวยที่สุดในยุโรป เส้นทางจะเลียบไปตามหน้าผาสูงชันไปยังเมือง โพสิตาโน อมัลฟี และราเวลโล เส้นทางนี้ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ.1997 จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองโพสิตาโน (Positano)  เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่บนหน้าผา มีโบสถ์ซานตา มาเรีย อัสสันต้าเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองที่ไม่ควรพลาด
• ผ่านเส้นทางลัดเลาะคตเคี้ยวริมหน้าผาไปยัง เมืองอมัลฟี (Amalfi) เป็นเมืองเล็กๆที่มีเรื่องราวน่าสนใจ สมญานามว่า Queen of Mediterranran ที่คาดว่าเกิดแผ่นดินถล่มเมืองจมหายไปในทะเล มีมหาวิหารใหญ่ที่สวยงาม
• เข้าชมวิหารแห่งนักบุญแอนดรูว์ (Amalfi  Cathedral) สัญลักษณ์ของเมืองที่มีความโอ่อ่าสวยงาม อลังการณ์ วิหารสร้างในแบบศิลปะสไตล์อาหรับ – นอร์แมนโรมาเนสก์ มีการประดับตกแต่งด้วยโมเสกด้านหน้า บริเวณบันไดเป็นแบบลอมบาร์ด – นอร์แมน
• เดินทางสู่ เมืองราเวลโล่ (Ravello) เมืองที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ศิลปะและสถาปัตยกรรม รวมไปถึงความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอสติเอรา อามาลฟิตานา หนึ่งในรายชื่อมรดกโลกของอิตาลี ในปี ค.ศ.1997 ชม วิลลารูโฟโล (Villa Rufolo) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์สไตล์มัวร์ (Moorish) ลักษณะเป็นอาคาร มีสวนย่อมที่ตกแต่งสวยงาม ชมหอคอยโบราณ ก่อนออเดินทางไปยังเมืองซาเลอร์โน (Salerno)
• ที่พักโรงแรม Novotel Salerno Salerno Est Arechi ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

• ออกเดินทางสู่ เมืองเปสตุม (Paestum) ศูนย์รวมประวัติศาสตร์กรีกโบราณ เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ โบราณสถานสำคัญ เข้าชมซากวิหารโบราณสำคัญ 3 หลัง ได้แก่ วิหารอธีน่า, วิหารเฮร่า และวิหารโพไซดอน ทั้งสามวิหารอยู่ในสภาพดี ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมของอาณานิคมกรีกในศตวรรษที่ 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ใกล้เคียงกันมีซากโบราณสถานโบราณวัตถุอื่นๆไม่ว่าจะเป้นพื้นกระเบิ้ง อาคารบ้านเรือน
• ช่วงบ่ายเดินทางสู่ เมืองคาสเทลเมสซาโน (Castelmezzano)
  ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในหุบเขาผ่านอุโมงค์ที่เจาะผ่านเขา ความสวยงามของหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น หมู่บ้านเล็กๆที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณเพียง 900 คน เดินทางกลับสู่ เมืองโพเทนซ่า
• ที่พัก Park Hotel Potenza ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

• เดินทางสู่ เมืองมาเทรา (Matera) เมืองโบราณทางตอนใต้ของอิตาลี อยู่ห่างออกไปประมาณ 85 กิโลเมตร มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก รู้จักกันนาม เมืองใต้ดินหรือ เมืองมนุษย์ถ้ำ อายุหลายร้อยปี เนื่องจากเมืองนี้สร้างขึ้นจากการเจาะรูภูเขา และสร้างบ้านเรือนจากการเจาะหิน บ้านหินลักษณะที่เป็นถ้ำที่เรียกว่า ซาสซี(Sassi) สัมผัสบบรรยากาศย่านเมืองเก่าแก่ บ้านถ้ำหิน (Casa Grotta Di Vico Solitatio) สัมผัสความเป็นอยู่ของมนุษย์ถ้ำ ออกเดินทางต่อสู่ เมืองอัลเบโรเบลโล (Alberobello) เมืองทางตอนใต้ของอิตาลีมีทะเลล้อมรอบ ชม หมู่บ้านกระโจมหิน (Trulli Village) รูปทรงโดมอันเป็นเอกลักษณ์ เดินทางสู่ เมืองโมโนโพลี (Monopoli)
• ที่พัก La Peschiera ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*

• พร้อมแล้วออกเดินทางสู่ เมืองบารี (Bari) เมืองใหญ่อันดับสองของอิตาลีอยู่ใกล้ทะเลเอเดรียติก ศูนย์กลางคมนาคมทางน้ำ ท่าเรือ รู้จักกันในชื่อว่า “แคลิฟอร์เนียตอนใต้ของอิตาลี”  บรรยากาศอาคารบ้านเรือนทันสมัยผสมผสานกับความเจริญในอดีตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อันได้แก่ ป้อมปราการ โบสถ์ เป็นต้น เข้าชมโบสถ์เซนต์นิโคลัส (Basilica St.Nicholas) ภายในประดิษฐานกระดูกของเซนต์นิโคลัส ผู้ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่มาของซานตาคลอส ตัวโบสถ์เดิมใช้เป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมือง แต่ต่อมาได้ดัดแปลงและประบแต่งให้เป็นโบสถ์ ช่วงบ่ายเดินทางกลับสู่ เมืองซาเลอร์โน (Salerno) เมืองท่าทางตอนใต้ของอิตาลี ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ให้อิสระในการชมเมืองริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
• ที่พักโรงแรม Novotel Salerno Est Arechi ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

• เดินทางสู่ เมืองปอมเปอี (Pompei) เมืองทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลี บริเวณริมอ่าวเนเปิลส์  อดีตเมืองเก่าอันเจริญรุ่งเรือง
• ชม เมืองโบราณปอมเปอี เมืองโบราณที่ถูกลาวาปกคลุมครั้นเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟวิสุเวียส (Vesuvius) ในพ.ศ. 622  ลาวาปกคลุมกันหนาถึง 6 – 7 เมตร  ทำให้เมืองนี้จมอยู่ใต้ลาวา จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งในปัจจุบันมีการขุดค้นพบเพียง 3 ใน 4 ส่วนของเมือง ซากโบราณสถานภายหลังการขุดบ่งบอกว่าเมืองนี้เคยเป็นอดีตเมืองที่เจริญมากที่ที่สุด เนื่องจากค้นพบซากของร้านค้า โรงแรม โรงละคร วิหาร มากมาย
• ช่วงบ่ายเดินทางกลับสู่ กรุงโรม (Rome) ระหว่างทางแวะช้อปปิ้งที่  “La Reggia Designer Outler” แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่เต็มไปด้วยร้านค้าชั้นนำรวบรวมแบรนด์อิตาลีและแบรนด์ระดับโลกมากมาย เช่น Gucci ,Prada ,Moschino ,Nike ,Adidas ,Calvin Klein ,Tommy Hilfigher เป็นต้น อีกทั้งยังมีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย เดินทางกลับกรุงโรม เมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี ศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง บรรยากาศกลมกลืนระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเก่าและใหม่ โดยมีแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber)ไหลผ่านกลางเมือง ย่านเมืองเก่าและโบราณสถานสำคัญจะอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรัฐวาติกันและเขตทราสเตเวเร
• ที่พักโรงแรม  Ambasciatori Palace Roma ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า*

วันที่ 8 : โรม (Rome) 

• ชม สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม (Colosseum)บริเวณภายนอก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ อดีตสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน ระหว่างทางผ่านกลุ่มโรมันฟอรัม (Roman Forum) อดีตศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และศาสนาของอาณาจักรโรมัน ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมโรมันในอดีต
• เดินชม บริเวณจัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona) อดีตบริเวณนี้เป็นสนามแข่งม้าของชาวโรมัน ย่านศูนย์รวมของของความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศิลปินอิสระ มีน้ำพุที่สำคัญ น้ำพุแห่งสี่มหานที (Fountain of the Four Rivers) ซึ่งในแต่ละมุมจะมีรูปปั้นแทนแม่น้ำใหญ่จาก 4 ทวีป ได้แก่ คงคา ดานูป ไนล์ และพลาต้า อันเป็นผลงานของศิลปินชื่อดัง Gian Lorenzo Bernini
• เข้าชม วิหารแพนธีออน (Pantheon) วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเหล่าเทพเจ้ากรีก ออกแบบโดยมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา จัดเป็นวิหารยุคโรมันที่เก่าแก่และสภาพสมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอล ที่ 2  และศิลปินนดังอย่าง ราฟาเอล บริเวณด้านหน้าของวิหารเป็นเสาโรมันหลายต้นรับกับหลังคาสามเหลี่นมหน้าจั่ว ด้านหลังเป็นอาคารหลังคาทรงโดม ที่มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 43.3 เมตร
• ถ่ายภาพ น้ำพุเทรวี ประติมากรรมอันงดงามจากเทพนิยายกรีก ที่เชื่อกันว่า หากท่านโยนเหรียญลงในน้ำพุแล้วท่านจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง น้ำพุแห่งนี้ยังเป็นที่มาของบทเพลง “ทรีคอยน์ อิน เดอะ ฟาวน์เทน”
• ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน (Spanish Steps) ถนนคอนดอตติ ที่มีลักษณะเป็นบันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ใกล้กับถนน Via Condotti ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมดังๆมากมาย ให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งกันตามอัธยาศัย
• ที่พักโรงแรม  Ambasciatori Palace Roma ระดับ 5 ดาวหรือเทียบเท่า*

• อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย จนได้เวลาสมควร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino)
• 13.55 น. ออกเดินทางจาก กรุงโรม โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 945

• 05.45 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม