ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมีย อาเซอร์ไบจาน

ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน ดินแดนแห่งเทือกเขาคอเคซัส  ศูนย์กลางเส้นทางการค้าสายไหมในอดีต

แฝงเรื่องราวทางประวิติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 3,000 ปี สถานที่และภาษาที่เก่าแก่ติดอับดับต้นๆของโลก  ทะเลสาบเซวานทะเลสาบน้ำจืดที่สูงที่สุดในโลก

สวิตเซอร์แลนด์แห่งอาร์เมเนีย และสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปแห่งทวีปเอเชีย

ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมีย อาเซอร์ไบจาน สามอาณาจักรแห่งคอเคซัส ประจำปี พ.ศ. 2564 – 2565

16 – 28 กันยายน พ.ศ. 2563 ดูโปรแกรมการเดินทาง

วันที่ 1 : กรุงเทพ – เยเรวาน (Yerevan) ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน

• 02:25 น. เหินฟ้าสู่ เมืองดูไบ (Dubai) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วย สายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK 371 ใช้เวลาบินประมาณ 6.15 ชั่วโมง
• 05.35 น. ถึง ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นำท่านผ่านต่อเครื่องเตรียมบินต่อไปยัง เมืองเยเรวาน (Yerevan) ประเทศอาร์เมเนีย (พักเปลี่ยนเครื่อง 2.25 ชั่วโมง)
• 08.00 น. ออกเดินทางด้วย สายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK 2206 ใช้เวลาบินประมาณ 3.10 ชั่วโมง  สู่ กรุงเยเรวาน (Yerevan)
• 11.10 น. ถึง สนามบินนานาชาติสวาร์นอท (Zvartnots International Airport)
• กรุงเยเรวาน (Yerevan) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอาร์เมเนีย กรุงเยเรวานยังเป็นศูนย์กลางการบริหารวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ ปัจจุบันมีประชากร 1,100,000 คน กรุงเยเรวานยังถือเป็นหัวใจของ เครือข่ายทางรถไฟและเป็นศูนย์กลางการค้าหลักของสินค้าเกษตรกรรมของประเทศ นอกจากนี้โรงงานอุตสาหกรรมในเมืองนี้ยังผลิตโลหะ เครื่องมือจักรกล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์สำหรับโภชนาการต่างๆ เมืองเยเรวานถูกสร้างขึ้นตามประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่มของเมืองนี้ย้อนไปถึงในช่วงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล มีความสวยงามในทางสถาปัตยกรรมอย่างมาก
• ชม จัตุรัสรีพับลิค (Republic Square) เป็นศูนย์กลางการบริหารงานของชาติอีกด้วยสถานที่พักของประธานาธิบดี ศูนย์รวมการบริหารของกระทรวงต่างๆ แห่งชาติ
• ชม โรงงานที่ผลิตเหล้าและไวน์ยี่ห้อ อะรารัต (Yerevan Brandy Factory as Ararat) ซึ่งเป็นโรงงานชั้นนำและมีชื่อเสียงที่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1887 ที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์ดีที่สุดและน้ำแร่อันมีชื่อเสียงของอาร์เมเนีย
• ชม เดอะคาสเคด (The Cascade) ไฮไลท์ของกรุงเยเรวาน ซึ่งลักษณะจะเป็นขั้นบันไดขนาดยักษ์ลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตร และมีการปล่อยน้ำเป็นสายไหลลงมาเพื่อให้เป็นน้ำตกลงเป็นสายจากใจกลางที่อยู่ด้านบน ซึ่งสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างนี้ถูกสร้างให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของโซเวียตรัสเซีย ในสงครามโลกครั้งที่ 2
• ชมพระอาทิตย์ตกจากจุดชมวิว จะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเยเรวานและภูเขาอารารัตที่อยู่ห่างไกลออกไปทางด้านตะวันตก
• ที่พัก โรงแรม Republica Hotel Yerevan หรือ เทียบเท่า

เมืองเยเรวาน (Yerevan)

จัตุรัสรีพับลิค (Republic Square)

เดอะคาสเคด (The Cascade)

วันที่ 2 : หุบเขาเอวาน (Avan Canyon) – เยเรวาน (Yerevan)

• นำท่านไปเที่ยวชมความสวยงามของ หุบเขาเอวาน (Avan Canyon) ที่มีความสวยงามของ หน้าผาที่สูงชัน มีแม่น้ำอาซัดไหลผ่านทำให้เกิดบรรยากาศที่สวยงดงาม
• ชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ซึ่งในอดีตเมื่อประมาณ 1,700 ปีมาแล้ว บริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์อาร์เมเนีย ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีหลงเหลืออยู่ คือ ซากห้องสรงน้ำ (Royal Bath House) และอาคารรูปทรงกรีกที่ถูกสร้างขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 โดย กษัตริย์อาร์เมเนียในสมัยนั้น ต่อมาวิหารแห่งนี้ถูกทำลายด้วยแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1679 และได้รับการบูรณะในสมัยสหภาพโซเวียต เมื่อปี ค.ศ.1974 นี้เอง โดยใช้เศษซากปรักหักพังของเก่าผสมกับของใหม่ จึงทำให้สมบูรณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ไฮไลท์ของวิหารการ์นีคือตัวอาคารถูกสร้างแบบกรีกแต่ลวดลายบนตัวอาคารก็สร้างด้วยศิลปะแบบอาร์เมเนีย
• ชม วิหารเกคฮาร์ด (Geghard Monastery) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความสวยงามของอาร์เมเนีย เพราะเป็นวิหารที่สร้างอยู่ท่ามกลางเทือกเขา และยังมีส่วนที่สร้างโดยการตัดหินเข้าไปในภูเขาอีกด้วย ตัวอาคารของวิหารเกกฮาร์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 ให้ท่านชมส่วนของห้องโถงของตัวโบสถ์ที่มีการตัดหินสร้างเป็นโดมแกะสลักอย่างสวยงาม ที่ถูกตกแต่งด้วยความศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างเต็มเปี่ยม วิหารที่สร้างโดยการตัดหินให้กลายเป็นห้องโถง และได้ขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2000
• นำท่านชม พิพิณภัณฑ์สถานแห่งชาติอาร์เมเนีย (History National Museum) สถานที่ๆมีการเก็บสะสมสมบัติล้ำค่าของชาติมากกว่า 400,000 ชิ้น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งตะหง่านเด่นเป็นสัญลักษณ์อยู่ที่บริเวณจัตุรัสรีพับลิค
• ที่พัก โรงแรม Republica Hotel Yerevan หรือ เทียบเท่า

วิหารการ์นี (Garni Temple)

วิหารเกคฮาร์ด (Geghard Monastery)

วันที่ 3 : เมืองคอร์วิราพ (Khor Virap) – เยเรวาน (Yerevan)

• นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองคอร์วิราพ (Khor Virap) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของกรุงเยเรวาน ห่างประมาณ 40 กม.และตั้งอยู่ในจังหวัดอะรารัต
• ชม วิหารคอร์วิราพ (Khor Virap Monastery) เป็น สถานที่ๆมีชื่อเสียงดังสุดของอาร์เมเนีย ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับพิธีจาริกแสวงบุญให้กับผู้มีชื่อเสียง คือท่าน กรีกอร์ ลูซาวอริช (Grigor Lusavorich) ผู้ซึ่งกลายมาเป็นนักบุญเกกอรี่ที่เป็นผู้เผยแผ่ทางด้านศาสนาฯ และต่อมาได้ถูกจองจำอยู่ในคุกนี้ถึง 13 ปีโดยคำสั่งของกษัตริย์ทิริเดท ที่ 3 ของอาร์เมเนีย ภายหลังท่านได้รับการยอมรับนับถือ และแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชองค์แรก และได้ทำการเปลี่ยนแปลงสั่งสอนด้านการศาสนาภายในประเทศ และในปี ค.ศ.301 อาร์เมเนียเป็นประเทศแรกของโลก ที่ได้ประกาศและยอมรับเอาศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ
• จากสถานที่แห่งนี้ท่านจะสามารถมองเห็นภาพของภูเขาอะรารัทได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งภูเขาแห่งนี่เป็นตำนานที่พบว่า เป็นที่จอดของเรือโนอาห์ (Noah) ในสมัยที่น้ำท่วมโลกเมื่อ 7,000 ปีมาแล้ว
• ***หากท่านโชคดีท้องฟ้าเปิด ท่านจะมองเห็นภูเขาอารารัตที่อยู่เบื้องหลังเป็นวิวที่ตระการตาและสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก***
• ท่านเดินทางไปยัง เมืองโนราแว๊งค์ (Noravank) ชม วิหารโนราแว๊งค์ (Noravank Monastery) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 โดยนักสอนศาสนาสยูนิค แต่ตัวโบสถ์ใหญ่ถูกสร้างในราวปี ค.ศ.1227 โดยนักบุญคาราเพทบริเวณประตูทางเข้าหรือตามหน้าต่างทางด้านหน้าจะถูกสร้างให้มีส่วนที่ยื่นออกมาปกคลุมและจะถูกแกะสลักด้วยลวดลายสถาปัตยกรรมอย่างประณีตสวยงาม นอกจากนั้นยังมีโบสถ์ที่ถูกสร้างในปี ค.ศ.1339 เป็นอนุสาวรีย์ที่ฝังศพที่อยู่ทางด้านใต้ สถานที่แห่งนี้ได้ถูกปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นและได้เปิดให้เข้าชมเมื่อปี ค.ศ.1999 ซึ่งจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของบริเวณรอบๆ รวมถึงทิวทัศน์อันสวยงามของเทือกเขาอีกด้วย
• ที่พัก โรงแรม Republica Hotel Yerevan หรือ เทียบเท่า

วิหารคอร์วิราพ (Khor Virap Monastery)

วิหารโนราแว๊งค์ (Noravank Monastery)

วันที่ 4 : ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan) – กรุงทบิลิซี่ (Tbilisi) ***ข้ามพรมแดนประเทศ อาร์เมเนีย – จอร์เจีย***

• ออกเดินทางไปยัง เมืองเซวาน (Sevan) ซึ่งตั้งอยู่ริม ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
• เมืองเซวาน (Sevan) เมืองแห่งสถานที่พักผ่อนรีสอร์ทของนักท่องเที่ยวตัวเมืองนี้ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1900 เมตร เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1842 ซึ่งเป็นหมู่บ้านพักอาศัยของชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า เยเลนอฟก้า (Yelenovka) จนถึงปี ค.ศ.1935 จึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เซวาน ตามหลังของทะเลสาบเซวานที่เปลี่ยนชื่อ
• ชม อารามเซวาน (Sevan Monastery) หรือมีชื่อเรียกว่า เซวานาแว๊งค์ (Sevanavank) ซึ่งคำว่า แว๊งค์ เป็นภาษาอาร์เมเนีย มีความหมายว่า โบสถ์วิหาร สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณแหลมที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเบสาบเซวานถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.874 โดย เจ้าหญิงมาเรียม ซึ่งเป็นธิดาของกษัตริย์อะช๊อตที่ 1 ซึ่งอยู่ในช่วงของการต่อสู้กับพวกอาหรับที่ปกครองดินแดนแห่งนี้
• เดินทางต่อไปที่ เมืองดีลีจาน (Dilijan) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบเซวาน เป็นเมืองหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะมีรีสอร์ทที่พักหลายแห่งที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร บรรยากาศของเมืองจะเป็นธรรมชาติที่สดชื่นและหนาแน่นเต็มไปด้วยป่าเขาที่เขียวชอุ่มสถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “สวิตเซอร์แลนด์น้อยแห่งอาร์เมเนีย” (Little Switzerland of Armenia)
• ชม อารามฮักห์พาท (Haghpat Monastery) ซึ่งถือได้เป็น ผลงานชิ้นเอกของทางด้านศาสนาและทางด้านสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างในยุคกลางอารามแห่งนี้ไดถูกสร้างขึ้น โดยนักบุญนิชาน (Saint Nishan) ในราวศตวรรษที่ 10 ซึ่งอยูในระหว่างการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์อะบาส ที่1 (King Abas I) อารมแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกในปีค.ศ.1996 ซึ่งอดีตเป็นเพียงตัวโบสถ์เล็กๆ ของ นักบุญนิชานที่ถูกสร้างขึ้นช่วงปี ค.ศ.967 ต่อมาก็ได้ถูกสร้างขยายให้ใหญ่โตขึ้นและมีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบอาร์เมเนียน
• จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศอาร์เมเนียและจอร์เจีย ที่ เมืองซาดาโคล (Sadakhlo) จากนั้นใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จะเดินทางถึง กรุงทบิลิซี่ (Tbilisi) เมืองหลวงของ ประเทศจอร์เจีย (Georgia)
• ที่พัก โรงแรม Citrus Hotel หรือ เทียบเท่า

อารามเซวาน (Sevan Monastery)

ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan)

ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan)

วันที่ 5 : เมืองเก่าทบิลิซี่ (Old Tbilisi)

• นำท่านชม โบสถ์เซนต์ทรีนิตี้ (Saint Trinity Cathedral or Holy Trinity Cathedral) วิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี ที่เรียกกันว่า Sameba เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรจอร์เจียนออร์โธดอกซ์
• จากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress) ให้ท่านได้ชม ป้อมปราการซึ่งเป็นป้อมโบราณที่ถูกสร้างในราวศตวรรษที่ 4 ซึ่งต่อมาเมื่อพวกมองโกลได้เข้ามายึดครอง ก็ได้เรียกชื่อป้อมแห่งนี้ว่า นาริน กาลา (Narin Qala) ซึ่งมีความหมายว่า ป้อมอันเล็ก (Little Fortress) และต่อมาบางส่วนได้พังทลายลง เพราะว่าเกิดแผ่นดินไหวและได้ถูกรื้อทำลายไป
• ชม ย่านเมืองเก่าของทบิลิซี (Old Town of Tbilisi) ซึ่งจะทำท่านได้พบเห็นความสวยงามและสีสันของอาคารบ้านเรือนที่เป็นสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นโดยผสมผสานกันระหว่างศิลปะของเปอร์เซียและยุโรป ทำให้จอร์เจียมีเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของตะวันตกและตะวันออกในประเทศเดียว
• ชม โรงอาบนําแร่กํามะถัน (Sulphur Baths)  ลักษณะของโรงอาบน้ำคล้ายๆ กับการอาบน้ำแบบตุรกี นําชมหมู่โรงอาบนํ้าที่มีการสร้างและให้บริการตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปัจจุบัน
• โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church) โบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของทบิลิซี ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาของ แม่น้ำมิทวารี (Mtkvari)
• เดินเล่นที่ ถนนรุสทาเวลี (Rustaveli) ซึ่งเป็นถนนใหญ่ของเมืองที่มีชื่อเสียงและกลิ่นไอแบบยุโรป และอาคารที่ถูกสร้างขึ้นที่มีรูปร่างลักษณะใหญ่โตแข็งแรง และยังเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆมากมาย และตามบริเวณทางเท้ายังเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองอันหลากหลายให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยและเลือกซื้อสินค้าต่างๆ
• ที่พัก โรงแรม Citrus Hotel หรือ เทียบเท่า

โบสถ์เซนต์ทรีนิตี้ (Saint Trinity Cathedral or Holy Trinity Cathedral)

โรงอาบนําแร่กํามะถัน (Sulphur Baths)

ภาพจากป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress)

ย่านเมืองเก่าของทบิลิซี (Old Town of Tbilisi)

วันที่ 6 : ทางหลวงสู่คอเคซัส (Georgian Military Highway) – กูดาอูรี (Gudauri)

• นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองมิทเคต้า (Mtsketa) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือห่างจากกรุงทบิลิซีป เป็นเมืองที่มีความเก่าแห่งหนึ่งของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน เนื่องจากมีโบราณสถานทางด้านประวัติศาสตร์มากมายหลายแห่ง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994
• ชม วิหารจวารี (Jvari Monastery) ซึ่งเป็นวิหารในรูปแบบของคริสต์ศาสนาออร์โธด๊อกตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้ามิควารี และแม่น้ำอรักวีและถ้ามองออกไปข้ามเมืองมิทสเคต้าไปยังบริเวณที่กว้างใหญ่ซึ่งในอดีตเคยเป็น อาณาจักรของไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งได้เคยปกครองดินแดนในบริเวณนี้ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่ 5
• นำท่านไปชม วิหารสเวติสโคเวลี (Sveti Tskhoveli Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในบริเวณของมิทเคต้า
• ออกเดินทางไปตามทางหลวงที่สำคัญซึ่งเป็นเส้นทางสำหรับใช้ในด้านการทหารที่เรียกว่า ทางหลวงสู่คอเคซัส (Georgian Military Highway) ได้ถูกสร้างขึ้นโดยสหภาพโซเวียตในสมัยที่จอร์เจียตกอยู่ภายใต้การปกครองสำหรับใช้เป็นเส้นทางมายังภูมิภาคแห่งนี้ และเป็นถนนเส้นทางเดียวที่จะนำท่านเดินทางสู่ เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ (Greater Caucasus) ที่มีความยาวประมาณ1,100 กม.ที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย
• ระหว่างทางให้ท่านได้ชม ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) เป็นสถานที่ก่อสร้างอันเก่าแก่มีกำแพงล้อมรอบและตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามของเบื้องล่างและ อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่ที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวง พร้อมกับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้ว
• เดินทางต่อไปยัง เมืองกูดาอูรี (Gudauri) ซึ่งเป็นเมืองสำหรับสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร
• ที่พัก โรงแรม Marco Polo หรือ เทียบเท่า

วิหารจวารี (Jvari Monastery)

ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress)

ทางหลวงสู่คอเคซัส (Georgian Military Highway)

เมืองกูดาอูรี (Gudauri)

เมืองกูดาอูรี (Gudauri)

วันที่ 7 : เมืองคาซเบกี้ (Kazbegi)

• เดินทางต่อไปยัง เมืองสเตพานท์สมินด้า (Stepantsminda) หรือชื่อเดิมคือ เมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) ประวัติของเมืองนี้เริ่มหลังจากนักบุญในนิกายออร์โธด๊อกชื่อ สเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้นมา เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ และตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร
• นั่ง 4WD ชมความสวยงามของ โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 หรือมีอีกชื่อเรียกกันว่า สมินดา ซามีบา (Tsminda Sameba) ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้
• ชมความงดงามของ หุบผาดาเรียล (Darial Gorge) ที่อยู่พรมแดนระหว่างประเทศจอร์เจียและรัสเซียทางด้านทิศใต้
• ชมความงามของ น้ำตก Gveleti (Gveleti waterfall)
• เดินทางกลับมายัง เมืองกูดาอูรี (Gudauri)
• ที่พัก โรงแรม Marco Polo หรือ เทียบเท่า

โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)

โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)

เมืองคาซเบกี้ (Kazbegi)

ทางหลวงสู่คอเคซัส (Georgian Military Highway)

วันที่ 8 : กูดาอูรี (Gudauri) –กรุงทบิลิซี่ (Tbilisi)

• เดินทางสู่ เมืองกอรี (Gori) ในอดีตเคยมีความสำคัญทางด้านทหารในยุคกลางเป็นที่ตั้งของกองกำลังที่อยู่บนถนนสายสำคัญที่เชื่อมกับทางด้านตะวันออกและด้านตะวันตก นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นเมืองบ้านเกิดของ โจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำที่มีชื่อเสียงของพรรคอมมิวนิสต์โซเวียต
• ชม พิพิธภัณฑ์ของสตาลิน (Museum of Stalin) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ พร้อมทั้งเรื่องราวต่างๆของสตาลิน และยังมีการแสดงถึงประวัติชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต
• เดินทางสู่ เมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) เป็นบริเวณถ้ำที่ถูกทำขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคการเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 8-7 ก่อนคริสตกาล ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียสู่ทางด้านเหนือแถบหมู่บ้ามิทวารีไปยังทะเลดำและต่อไปยังโลกด้านตะวันตก ชม หมู่บ้านที่ถูกสร้างจากถ้ำ โดยมีเนื้อที่กว้างประมาณ 50 ไร่  ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งต่อมานักโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งต่างๆ มากมาย รวมทั้งเครื่องทองเครื่องเงินและอัญมณีต่างๆ และยังมีเครื่องเซรามิคส์และการแกะสลักที่สวยงาม
• ได้เวลาเดินทางกลับสู่ กรุงทบิลิซี่ (Tbilisi)
• ที่พัก โรงแรม Citrus Hotel หรือ เทียบเท่า

ถนนรุสทาเวลี (Rustaveli)

วันที่ 9 : กรุงทบิลิซี่ (Tbilisi) – ซิกนากี (Sighnaghi)

• จากนั้นนำท่านไปชม อารามถ้ำเดวิด กาเรยา (David Gareja monasteries) สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 6 โดย นักบุญเดวิด กาเรยา ซึ่งเป็น 1 ใน 13 นักบุญที่แสวงบุญมาจากดินแดนเมโสโปเตเมีย วัดถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บนไหล่เขาสูงภูมิประเทศแบบกึ่งทะเลทราย สันเขาเป็นเขตแดนระหว่างจอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน วัดถ้ำแห่งนี้ประกอบด้วยโพรงถ้ำจำนวนมากที่ผู้สร้างได้เจาะเข้าไปในถ้ำเพื่อสร้างโบสถ์หรือที่พักอาศัย
• เดินทางไปยังเมือง เทลาวี (Telavi City) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทบิลิซี เป็นเมืองที่สำคัญและศูนย์กลางการบริหารของ จังหวัดคาเคตี้ (Kahketi) ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของจอร์เจีย  เมืองนี้มีความสวยและชื่อเสียงในด้านที่มีความเก่าแก่โบราณในยุคทองแดง เมืองเทลาวีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของ อาณาจักรคาเคตี้ (Kingdom of Kakheti) ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นยุคทองของรัฐจอร์เจีย
• ให้ท่านได้ชม อารามแห่งเซนต์นีโน่ (Monastery of St. Nino at Bodbe) อารามจอร์เจี้ยนออโธดอกซ์โบราณดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมเมื่อช่วงราวศตวรรษที่ 17 อารามแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ประทับของ บิชอปบอดเบ (Bishop of Bodbe) และยังนับเป็นหนึ่งในอารามที่อยู่ในเส้นทางแสวงบุญของชาวจอร์เจีย ภายในเป็นที่ประทับของร่างแห่งองค์เซนต์นีโน่ ศาสดาหญิงผู้มีชีวิตอยู่ช่วงศตวรรษที่ 4 ซึ่งชาวจอร์เจียนับถือเป็นอย่างมาก ผู้ซึ่งเคยถวายการรักษาแก่ราชินีนานาและกษัตริย์มิเรี่ยนที่ 3 แห่งแคว้นไอบีเรีย ส่งผลให้จากนั้นได้ทรงประกาศศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์เป็นศาสนาประจำชาติจอร์เจีย
• เดินทางไปยัง เมืองซิกนากี (Sighnaghi City) เป็นเมืองเล็กๆที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 4,000 คนมีการปลูกพืชพันธุ์ไม้หลายอย่างโดยเฉพาะต้นองุ่นพันธุ์ต่างๆ จึงทำให้เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่มีการทำเหล้าไวน์ ซึ่งต่อมาได้รับการบูรณะและปรับปรุงให้มีความเจริญรุ่งเรือง พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย จึงทำให้มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวให้ท่านได้ชมความสวยงามและบรรยากาศของเมืองซิกนากี ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกคอเคซัสใหญ่ที่มีภูมิอากาศแบบสี่ฤดูในหนึ่งปีและมีอุณหภูมิปานกลาง ให้ท่านได้ดื่มด่ำกับการชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์เจีย
• นำท่านไปยัง ไร่องุ่นเก่าแก่ นำท่านเข้าชมโรงบ่มไวน์อายุกว่า 300 ปี โดยจะมีการบรรจุในเหยือกดินเผาก่อนนำไปบ่มในโรงบ่ม ขณะที่ทางยุโรปและในภูมิภาคอื่นๆจะใช้ถังไม้โอ๊คแทน และ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมแล้วนำท่านแวะถ่ายรูปกับ กำแพงเมืองแห่งไซน์นากิ (The Great wall of Sighnaghi) ซึ่งเดิมที่ถูกสร้างไว้เป็นป้อมปราการล้อมเมืองไซน์นากิ เพื่อป้องกันข้าศึกในช่วงศตวรรษที่ 17 ตามพระประสงค์ของกษัตริย์เฮราคลีอุสที่ 2 ความยาวของกำแพงเมืองนี้ ยาวรวมกันทั้งสิ้น 5 กิโลเมตร ประกอบด้วย 23 หอคอย และประตูทางเข้าออก 8 ประตู
• ที่พัก โรงแรม Hotel Kabadoni หรือ เทียบเท่า

อารามถ้ำเดวิด กาเรยา (David Gareja monasteries)

เมืองซิกนากี (Sighnaghi City)

กำแพงเมืองแห่งไซน์นากิ (The Great wall of Sighnaghi)

วันที่ 10 : ซิกนากี (Sighnaghi) – เชคี (Sheki) ***ข้ามพรมแดนประเทศ จอร์เจีย – อาเซอร์ไบจาน***

• นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศอาเซอร์ไบจาน ที่ เมือง Lagodekhi
• เดินทางสู่ เมืองเชคี (Sheki) ศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชคี ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาคอเคซัสใหญ่และอยู่ติดกับจอร์เจีย เมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขา ช่องเขาที่แคบพร้อมทั้งมีลำธารน้ำไหลและป่าเขาที่เขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ มีน้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินมากมายจึงทำให้เกิดบรรยากาศและน้ำตกที่สวยงาม และนอกจากนั้นยังมีบ่อน้ำแร่ที่ใสสะอาด
• นำท่านชมความสวยงามของ เมืองเชคี (Sheki) เมืองที่มีชื่อเสียงในการแกะสลักไม้ ที่มีการค้าขายเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมในอดีต ซึ่งจะมีที่พักสำหรับกองคาราวานที่เดินทางมาแวะพักที่เมืองนี้
• ชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Sheki History Museum) พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไหมการค้า และสถาปัตยกรรมและอนุสาวรีย์ของ Shirvan (ยุคกลางของ Shirvanshahs) และสถานที่ อื่น ๆ เช่น คาราวานซาราย (Caravanserai) สุเหร่าจูมา (Juma mosque) มาดราสซ่า (Madrassa)
• ชม พระราชวัง Palace of Shaki Khans  สร้างขึ้นในปีค.ศ.1761-1762 ใช้เป็น ที่ประทับของข่านมุชตาด เป็นพระราชวังสองชั้นตกแต่งด้วยภาพเฟรสโก้อันงดงาม และงานกระจกสีอันงดงามที่เรียกว่า Shebeke งดงามทั้งภายในและภายนอก บางส่วนของจิตรกรรมฝาผนังมีลายดอกไม้นานาพันธุ์ และภาพที่แสดงถึงการล่าสัตว์โบราณหรือ การต่อสู้ พระราชวังแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1998
• ที่พัก โรงแรม Sheki Saray Hotel หรือ เทียบเท่า

พระราชวัง Palace of Shaki Khans  credit : Sefer azeri

วันที่ 11 : เชคี (Sheki) – บากู (Baku)

• เดินทางสู่ เมืองเชมาค่า (Shemakha) แวะชม อนุสรณ์สถานของคีรี บาบา (Diri Baba Mausoleum) ที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 15 ให้เป็นงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมของเชอร์วาน สถานที่แห่งนี้สำหรับเป็นที่ฝั่งศพของชีคห์ดีรี บาบา ซึ่งเป็นตึกสองชั้นซึ่งมีด้านหลังอยู่ติดกับภูเขา ภายในยังมีการตกแต่งด้วยภาพโมเสค และยังเป็นสถานที่ ที่ผู้แสวงบุญเดินทางเข้ามาเพื่อสักการะบูชาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10
• เดินทางถึง กรุงบากู (Baku) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทรเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปในทะเลแคสเปียนชื่อ อับเชรอน (Abseron) ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน คือ ย่านเมืองเก่า ตัวเมืองปัจจุบัน และตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต
• นำท่านสู่ บากูบลูเลอวาร์ด (Baku Boulevard) ทางเดินริม ทะเลแคสเปียน (Caspien Sea) ที่มีประวัติยาวนานนับร้อยปี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1909 และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทางเดินเลียบทะเลที่ยาวที่สุด ซึ่งทะเลแคสเปียนทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับวิวที่มี ตึก Flame Tower เป็นฉากหลังอันสวยงาม ซึ่งท่านสามารถมองเห็นเสาธงชาติขนาดยักษ์ของอาเซอร์ไบจานที่สูงถึง 162 เมตรและถือได้ว่าเป็นเสาธงชาติที่สูงที่สุดในโลกด้วย
• ที่พัก โรงแรม Park Inn By Radisson Baku Hotel หรือเทียบเท่า

บากูบลูเลอวาร์ด (Baku Boulevard)

วันที่ 12 : บากู (Baku)

• ชม เมืองเก่าบากู (Baku Old City) ที่เรียกว่า ย่านอิเซรีเซเคอร์ (Icheri Shekher) ซึ่งเป็นย่านที่มีโบราณสถานเก่าแก่ที่สำคัญ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบากูที่ไม่เหมือนกับที่แห่งใดๆ
• เมืองเก่าบากู นี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีกำแพงป้อมล้อมรอบ และรอบกำแพงจะมีการสร้างเป็นป้อมหอคอยซึ่งมีทั้งหมด 44 แห่ง และมีประตูทางเข้าออกถึง 5 แห่ง สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชีวาน และภายในเป็นคอมเพล็กซ์มีสถานที่สำคัญภายในหลายแห่ง อาทิ
  • พระราชวังแห่งราชวงศ์เชอร์วาน (Shirvan Shah’s Palace) สถานที่พำนักของกษัตริย์แห่งราชวงศ์เชอร์วาน
  • สุเหร่าดีวานข่าน (Divankhane Mosque)
  • หอคอยไมเดน (Maiden Tower) ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ของเมืองบากู สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12
  • คาราวานซาราย (Caravanserai) หรือที่พักแรมของกองคาราวานในยุคค้าขายแห่งเส้นทางสายไหม
• ชม ศูนย์การประชุมไฮดา อาลิเยฟ (Heydar Aliyev Center) อาคารสถาปัตยกรรมล้ำยุคที่เป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของบากู ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ ซาฮา ฮาดิด (Zaha Hadid) สถาปนิกลูกครึ่งอิรัก-อังกฤษ ที่ต้องการสร้างอาคารที่มีความโค้งเว้าและดูพลิ้วไหว ออกแบบให้ลักษณะเหมือนคลื่นจากทะเลค่อยๆสูงถึงท้องฟ้า และทำให้ซาฮาได้รับการยอมรับจากสถาปนิกทั่วโลกและยังได้รับรางวัลจาก Pritzker Architecture Prize และรางวัล Design of the Year award โดยสร้างเสร็จสมูบรณ์เมื่อกลางปีค.ศ.2012 ที่ผ่านมา ตัวอาคารเป็นอาคารหอประชุมขนาด 619,000 ตารางฟุต เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่เขตเมืองใหม่ให้ทันสมัยและเป็นเลิศด้านการออกแบบ โดยชื่อของอาคารตั้งตามชื่อของอดีตผู้นำของอาเซอร์ไบจานในยุคโซเวียตปกครองและเป็นประธานธิบดีคนแรกของประเทศ ซึ่งภายในใช้สำหรับจัดงานประชุมรวมถึงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
• ที่พัก โรงแรม Park Inn By Radisson Baku Hotel หรือเทียบเท่า

ศูนย์การประชุมไฮดา อาลิเยฟ (Heydar Aliyev Center)

เมืองเก่าบากู (Baku Old City)

วันที่ 13 : บากู (Baku) – โกบัสถาน (Gobustan) ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน

• นำท่านไปยัง ห้างสรรพสินค้าริมทะเลแคสเปียน (Park Bulvar Mall) ให้ท่านได้ใช้เวลาเลือกสินค้าของฝากติดไม้ติดมืออย่างอิสระแล้วรับประทานอาหารเย็นพร้อมกัน
• 13.00 น จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง สนามบินนานาชาติไฮดา อาลิเยฟ (Heydar Aliyev International Airport)
• 15.40 น เดินทางสู่ เมืองดูไบ (Dubai) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วย สายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK 2197 ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง
• 18.30 น. ถึง ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (พักเปลี่ยนเครื่อง 4 ชั่วโมง)
• 22.30 น. ออกเดินทางกลับประเทศไทยด้วย สายการบินเอมิเรตส์ Emirates EK 374 ใช้เวลาบินประมาณ 6.50 ชั่วโมง สู่ กรุงเทพ

วันที่ 14 : โดฮา – กรุงเทพ

• 08.00 น ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

สิ้นสุด ทัวร์ จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน