ทัวร์ทาจิกิสถาน ปามีร์ไฮเวย์

Road trip เส้นทางสุดคลาสสิค

Tajikistan & Kyrgyzstan

โปรแกรมการเดินทางประจำปี พ.ศ.2564 – 2565 > รอประกาศอีกครั้ง

วันที่ 1 : กรุงเทพ > ออส (Osh)

• 08.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกนอกประเทศ ชั้น 4 ประตู 8-9 แถว Q เคาท์เตอร์สายการบิน Air Astana
• 10.15 น. เหินฟ้าสู่ เมืองอัลมาตี้ (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน ด้วยเที่ยวบิน KC932 สายการบิน Air Astana ใช้เวลาบินประมาณ 7.10 ชั่วโมง บริการอาหารกลางวัน บนเครื่องบิน
• 16.25 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติอัลมาตี้ (Almaty International Airport) ประเทศคาซัคสถาน นำท่านผ่าน ตม. ต่อเครื่องเตรียมบินต่อไปยังเมืองบิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน
• 18.00 น. ออกเดินทาง ด้วยเที่ยวบิน KC109 สายการบิน Air Astana สู่ เมืองบิชเคก (Bishkek) ประเทศคีร์กีซสถาน บริการอาหารบนเครื่อง
• 18.55 น. ถึง สนามบินนานาชาติมานาส (Manas International Airport) ประเทศคีร์กีซสถาน ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางสู่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ โดยเราจะรับประทานอาหารกันภายในสนามบิน (มื้อนี้จะให้แต่ละท่านได้มีอัธยาศัยในการเลือกรับประทานได้ตามความสะดวก)
• 23.00 น. นำท่านลัดฟ้าจาก สนามบินนานาชาติมานาส (Manas International Airport) ด้วยสายการบิน Pegasus airlines บินภายในประเทศ โดยใช้เวลา 50 นาที
• 23.55 น. ถึง สนามบินนานาชาติออส (Osh International Airport) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
• ที่พัก โรงแรม Classic Hotel Osh

บรรยากาศบนเครื่องบินสู่เมืองออส

วันที่ 2 : ออส (Osh)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• นำท่านเดินทางชมสถานที่ต่างๆภายใน เมืองออส (Osh) คือศูนย์กลางการปกครองของคีร์กิซสถานในเขตภาคใต้ เป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศ ประวัติศาสตร์ย้อนหลังนับไปได้กว่า 3,000 ปีที่แล้ว เป็นเมืองที่สำคัญใน หุบเขาเฟอร์กาน่า (Fergana valley)
• นำท่านเดินทางสู่ ภูเขาสุไลมานทู (Sulaiman Too) ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ที่นี่เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เพียงแห่งเดียวของประเทศคีร์กิซสถาน ด้านบนของภูเขาแห่งนี้มีมัสยิดที่สร้างโดย จักรพรรดิบาบูร์ (Babur) แห่งราชวงศ์โมกุลของอินเดียในคริสตศตวรรษที่ 14 ด้านล่างเป็นสุสานของ Asaf Ibn Burhia ที่สร้างโดยการเจาะทะลุเป็นถ้ำเข้าไปในหุบเขา
• เที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สุไลมานทู (Sulayman Too National Historical and Archaeological Museum) ที่มีนิทรรศการต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และจากบนยอดเขา Sulaiman Too นี้เองที่เราจะเห็นวิวเมือง Osh แบบพาโนราม่าได้อย่างกว้างไกลสุด ลูกหูลูกตาโดยมีเทือกเขาหิมะอยู่เบื้องหล้ง
• บ่าย นำท่านเดินทางไปสู่ ตลาดกลางออส (Osh Bazaar) หนึ่งในบาซาร์อันเก่าแก่ของเส้นทางสายไหมและภูมิภาคเอเชียกลาง ที่นี่ท่านจะได้ปล่อยตัวเองไปกับบรรยากาศแห่งความคึกคักและสีสันของผู้คนชาวคีร์กิซ เราสามารถที่จะหาอาหารหรือขนมท้องถิ่นรับประทานเป็นอาหารว่างหรือมองหาสินค้าหัตถกรรมชาวบ้านได้ในราคาที่เป็นมิตร ณ สถานที่แห่งนี้
• ที่พัก โรงแรม Classic Hotel Osh

ภูเขาสุไลมานทู (Sulaiman Too)

วันที่ 3 : ออส (Osh) – ซารีโมโกล (Sary Mogol)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• ออกเดินทางออกจาก เมืองออส (Osh) มุ่งหน้าลงไปทางใต้ตามทางหลวงหมายเลข M41 หรือที่เรียกว่า “ปามีร์ ไฮเวย์” ซึ่งถือว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอันยาวไกลที่ปลายทางคือเมืองหลวงดูซานเบ แห่งประเทศทาจิกิสถาน ปามีร์ไฮเวย์เป็นถนนที่สร้างขึ้นทับบนทางเดินเท้าของเหล่าคาราวานตั้งแต่ในสมัยเส้นทางสายไหม เป็นหนึ่งในเส้นทางการลำเลียงสินค้าในยุคโบราณ
• ระหว่างทางผ่าน Taldok Pass ที่ความสูง 3,600 เมตร โดยจุดนี้จะเป็นที่บอกว่าเรากำลังจะเข้าสู่เขตที่ราบสูงปามีร์หรือจะเรียกว่าหลังคาโลกก็ว่าได้ เพราะความสูงเฉลี่ยในเส้นทางปามีร์ไฮเวย์จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียว จากจุดนี้เมื่อมองชมวิวเราจะเห็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดของประเทศคีร์กิซสถาน จะเห็นถนนที่คดเคี้ยวเป็นเหมือนงูเลื้อยไปตามบนไหล่เขา
• เที่ยง เดินทางถึง หมู่บ้านซารีทัช (Sary Tash) ซึ่งถือว่าเป็นชุมทางของนักเดินทางในสมัยโบราณ โดยหมู่บ้านนี้เป็นจุดรวมของเส้นทางทั้งหมด 4 สายที่สำคัญคือ ทางทิศตะวันออกจะเป็นเส้นทางสู่ประเทศจีนผ่าน ช่องเขาอิชค์แตม (Irkeshtam)  ทางใต้มุ่งหน้าสู่ประเทศทาจิกิสถานตามเส้นทางปามีร์ไฮเวย์ เส้นเหนือคือเส้นที่เรามาและเส้นตะวันตกคือทางไปยัง หมู่บ้านซารีโมโกล (Sary Mogol) อันเป็นจุดหมายปลายทางของเรา รวมถึง Lenin peak base camp
• เดินทางต่อไปยัง Lenin Peak Base Camp ที่นี่คือลานกว้างขนาดใหญ่ที่เป็นจุดตั้งต้นของนักเดินเขาที่จะมาพิชิต ยอดเขาเลนิน (Lenin Peak) ที่มีความสูง 7,134 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาเลนินเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของทั้งประเทศคีร์กิซสถานและทาจิกิสถาน เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ราบสูง อากาศจะเริ่มเบาบาง ท่านต้องระมัดระวังในเรื่องของการออกแรงหรือใช้กำลังที่มากเกินไป เพื่อป้องกันภาวะแพ้ความสูง (Acute Mountain Sickness) หลังจากนั้นนำท่านกลับมาสู่ หมู่บ้านซารีโมโกล (Sary Mogol)
• ที่พัก โฮมสเตย์ (Homestay)** ที่พักโฮมสเตย์ในทาจิกิสถานยังไม่สามารถยืนยันสถานที่ได้เนื่องจากขึ้นกับความพร้อมของชาวบ้าน ณ เวลานั้นๆ อย่างไรก็ตามมาตรฐานของห้องพัก จะมีห้องแบบ 2 เตียงมาตรฐาน ห้องน้ำอาจจะเป็นห้องน้ำแยกหรือห้องน้ำรวม ซึ่งทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง**

Taldok Pass ที่ความสูง 3,600 เมตร

หมู่บ้านซารีทัช (Sary Tash)

วันที่ 4 : ทะเลสาบคาราคูล (Lake Karakul)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฮมสเตย์
• มุ่งหน้ากลับไปสู่ที่ หมู่บ้านซารีทัช (Sary Tash) ก่อนที่จะวกลงไปทางทิศใต้ทางเส้นทาง M41 มุ่งหน้าเข้าสู่ พรมแดนระหว่างประเทศคีร์กิซสถานและทาจิกิสถาน เนื่องจากเป็นด่านพรมแดนทางพื้นดินระหว่างประเทศที่ถือว่าอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมาก (Remote area) พิธีการทางเอกสารต่าง ๆ จะไม่มีระบบหรือระเบียบที่เป็นทางการนัก และบางครั้งไม่อาจะสามารถคาดเดาวิธีการต่างๆ ได้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามทีมงานของบริษัทฯ และไกด์ท้องถิ่นจะค่อยช่วยบริการส่วนนี้ให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและเกิดปัญหาให้น้อยที่สุด
• เมื่อเข้าสู่ดินแดนของประเทศทาจิกิสถาน จะถือว่าเราเข้าสู่เขตแดนของเทือกเขาปามีร์โดยสมบูรณ์
• กลางวัน เดินทางถึง หมู่บ้านคาราคูล (Karakul) อันเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดกับ ทะเลสาบคาราคูล (Karakul) ที่ถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงเป็นอันดับสองของโลก (อันดับหนึ่งคือทะเลสาบติติกากาที่ประเทศโบลิเวีย) ทะเลสาบแห่งนี้จะมีน้ำสีฟ้าใสตลอดทั้งปี ความหมายของคำว่า Karakul แปลว่า “The Black Lake” ทะเลสาบคาราคูล (Karakul) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการชนของอุกกาบาตที่มาโลกเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว โดยระบบน้ำทั้งหมดมาจากธารน้ำแข็งเบื้องบน ในช่วงหน้าหน้าทะเลสาบแห่งนี้บนผิวน้ำทั้งหมดจะกลายเป็นน้ำแข็ง
• ท่านจะได้ใช้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย โดยสามารถเดินไปยังทะเลสาบได้ ถ่ายรูปเล่น พบปะกับชาวบ้านท้องถิ่น โดยวิวทะเลสาบเมื่อเรามองออกไปจากหมู่บ้านจะเห็นวิวของเทือกเขาสูงด้านหลังที่มีหิมะปกคลุมภาพสะท้อนลงไปน้ำเบื้องล่างสีฟ้ากลายเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ราบสูง อากาศจะเริ่มเบาบาง ท่านต้องระมัดระวังในเรื่องของการออกแรงหรือใช้กำลังที่มากเกินไป เพื่อป้องกันภาวะแพ้ความสูง
• ที่พัก โฮมสเตย์ (Homestay)** ที่พักโฮมสเตย์ในทาจิกิสถาน ยังไม่สามารถยืนยันสถานที่ได้เนื่องจากขึ้นกับความพร้อมของชาวบ้าน ณ เวลานั้นๆอย่างไรก็ตามมาตรฐานของห้องพัก จะมีห้องแบบ 2 เตียงมาตรฐาน ห้องน้ำอาจจะเป็นห้องน้ำแยกหรือห้องน้ำรวม ซึ่งทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง**

ทะเลสาบคาราคูล (Karakul)

วันที่ 5 : มูร์กาบ (Murghab)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฮมสเตย์
• ออกเดินทางออกจาก หมู่บ้านคาราคูล (Karakul) มุ่งหน้าต่อลงไปยังทิศใต้ตามเส้นทาง M41 ถนนจะค่อยๆวิ่งไต่ขึ้นเนินอีกครั้งจนเราไปสู่จุดสูงสุดของเส้นทางที่ ช่องเขาอัคไบตาล Ak Baital Pass (4,655 m) เมื่อเราผ่านช่องเขามาแล้ว พื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นเหมือนกับทะเลทรายที่ราบสูงขนาดใหญ่
• กลางวัน เดินทางถึง เมืองมูร์กาบ (Murghab) ศูนย์กลางของการปกครองในเขต Murghab ที่นี่มีคนกล่าวไว้ว่า “to arrive here and do not see Murgab is like not visiting the Pamirs at all” หรือมีความหมายว่า “ถ้ามาปามีร์แล้ว ไม่ได้มาถึงมูร์กาบก็เหมือนไม่ได้มาปามีร์นั่นเอง” ที่เมืองนี้ จะมีลักษณะภูมิประเทศแบบ alpine desert ที่ดูไปจะคล้ายเหมือนโลกของพระจันทร์ ตรงนี้เลยเปรียบเสมือนโอเอซิสเพียงแห่งเดียวในพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตรบริเวณนี้ที่ไม่มีพื้นที่อาศัยอยู่อย่างถาวรเลย ที่นี่มีสภาพอากาศที่เรียกได้ว่าสุดขั้ว คือ ร้อนมากๆในหน้าร้อน (40 องศาเซลเซียส) หรือหนาวสุดๆในหน้าหนาว (-30 องศาเซลเซียส)
• เมืองมูร์กาบ (Murghab) เคยเป็นอดีตฐานบัญชาของกองทัพสหภาพโซเวียตสมัยที่แข่งขันด้านอิทธิพลเหนือภูมิภาคเอเชียกลางกับอังกฤษ (The Great Game) โดยสิ่งก่อสร้างในเมืองปัจจุบันก็แทบจะเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากยุคนั้นแทบทั้งสิ้น จนบางครั้งสภาพบ้านเมืองเราอาจจะคิดว่าเหมือนบ้านเรือเพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆ เราจะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น
• ให้ทุกท่านได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย โดยท่านสามารถเดินชมภายในเมืองได้ ท่านจะพบปะกับประชาส่วนใหญ่ของที่นี่คือ ชนเผ่าคีร์กิซ (Kyrgyz) และ ชาวปามีร์ (Pamiri people) ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนที่สูงอย่างถาวรมานานแล้ว สถานที่น่าใจคือ อนุสาวรีย์เลนิน และ ตลาดประจำเมืองที่ร้านค้าถูกสร้างมาจากตู้คอนเทนเนอร์ต่างๆ อารมณ์คล้ายๆเหมือนเราอยู่บนดาวเบดูอินจากภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอร์ส
• ที่พัก โรงแรม Pamir Hotel***ไฟฟ้าอาจจะมาติดๆหายๆได้ เนื่องจากการผลิตที่ไม่ต่อเนื่องอันเนื่องจากปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งต้องเข้าใจไว้ล่วงหน้า***

ช่องเขาอัคไบตาล Ak Baital pass

เมืองมูร์กาบ (Murghab)

เมืองมูร์กาบ (Murghab)

วันที่ 6 : แลงการ์ (Langar)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• เราจะออกเดินทางบนถนนสายโลกพระจันทร์แห่งนี้โดยยังคงมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ ระหว่างทางเราจะผ่านหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดของเทือกเขาปามีร์คือ ทะเลสาบบาลังคูล (Bulunkul) ซึ่งสีของน้ำจะเปลี่ยนแปลงไปตามแสงของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาถึง ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ท่านจะได้เห็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่อย่างเร่ร่อน (nomadic life) ที่มีการสร้างกระโจมและเลี้ยงสัตว์ในกลุ่มของวัวและแกะเพื่อเอานมและเนื้อมาอุปโภค
• จากนั้นท่านจะผ่านเข้าสู่ ช่องเขา Khargush Pass (4,344 m.) โดยที่พื้นที่บริเวณเป็นพื้นที่ๆอาศัยอยู่ของสัตว์ประจำถิ่นอย่าง Turkestan rat, tiger-cat, grizzly bear, badger, stoat, fox, grey, red wolves หรือสัตว์ที่หายากอย่าง เสือดาวหิมะ (snow leopard) รวมถึงสัตว์ไฮไลท์ของชาวปามีร์ที่หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน อย่าง Marco Polo sheep ซึ่งท่านมีโอกาสที่จะสามารถเห็นได้
• กลางวัน เดินทางถึง หมู่บ้านแลงการ์ (Langar) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ๆเรียกว่า “ระเบียงวาคันด์” (Wakhan Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่ราบสูงที่อยู่ระหว่างเทือกเขาสองฝั่งคือฮินดูกูซในฝั่งอัฟกานิสถานและปามีร์ในฝั่งทาจิกิสถานโดยมีแม่น้ำสายสำคัญคือแม่น้ำปาญ (Panj River) เป็นตัวกั้นพรมแดนธรรมชาติ โดยที่หมู่บ้านแลงการ์ (Langar) เป็นจุดชัยภูมิที่สำคัญของพื้นที่บริเวณนี้เพื่อใช้เป็นที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณที่ใช้เส้นทางสายไหมเพื่อเดินทางเข้าประเทศจีน เราจะพักรับประทานอาหารเที่ยงกันที่นี่
• บ่าย ให้ท่านได้ใช้เวลาตามอัธยาศัยในช่วงบ่ายหลังรับประทานอาหาร โดยที่ท่านสามารถเดินไปดู หินที่มีรอยสลักรูปภาพต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณ (Petroglyphs of Langar) โดยมีจำนวนชิ้นมากกว่า 6,000 ชิ้นบนเนินเขาที่อยู่ข้างๆหมู่บ้าน โดยท่าน
• ที่พัก โฮมสเตย์ (Homestay)** ที่พักโฮมสเตย์ในทาจิกิสถาน ยังไม่สามารถยืนยันสถานที่ได้เนื่องจากขึ้นกับความพร้อมของชาวบ้าน ณ เวลานั้นๆอย่างไรก็ตามมาตรฐานของห้องพัก จะมีห้องแบบ 2 เตียงมาตรฐาน ห้องน้ำอาจจะเป็นห้องน้ำแยกหรือห้องน้ำรวม ซึ่งทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง**

หมู่บ้านแลงการ์ (Langar)

ถนนสู่ หมู่บ้านแลงการ์ (Langar)

วันที่ 7 : อีกาชิม (Iskhashim)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฮมสเตย์
• ออกเดินทางเลียบไปตาม แม่น้ำปาญ (Panj River) ในเขตของ “ระเบียงวาคันด์” (Wakhan Corridor) โดยตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป ทางฝั่งซ้ายมือของท่านจะเป็นแผ่นดินประเทศอัฟกานิสถานที่อยู่เพียงแค่เอื้อมมือ ท่านจะได้สังเกตชีวิตประจำวันของคนสองฝั่งแม่น้ำได้อย่างใกล้ชิด ได้เห็น บ้านที่สร้างด้วยดิน (Adobe House) อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอัฟกัน
• ระหว่างทางเราจะแวะไปเที่ยวที่ หมู่บ้านวราง (Vrang) ที่บนหน้าผ่าจะมีสถูปของพระพุทธศาสนาที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 4-7 เป็นหลักฐานอย่างดีถึงอิทธิพลของพุทธศาสนาในสมัยโบราณของพื้นที่บริเวณ
• นำท่านไปยัง บ้านเดิมของอดีตนักปราชญ์ชาวปามีร์ผู้ล่วงลับคือ Muabara Kadam ซึ่งท่านจะได้เห็นสถาปัตยกรรมบ้านของชาวปามีร์ได้ที่นี่ ซึ่งที่นี่ปัจจุบันได้พัฒนากลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เราจะได้ศึกษาถึงวิธีการของปราชญ์สมัยโบราณในการดูดาราศาสตร์รวมถึงวิทยาศาสตร์ (House Museum of Muboraki Wakhani)
• ชม ป้อมปราการยัมชุน (Yamchun fortresses) ที่สร้างอยู่บนเชิงเขา ป้อมปราการแห่งนี้เชื่อว่าสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 เพื่อจุดประสงค์ใช้เพื่อสังเกตการณ์และป้องกันอาณาจักรจากผู้รุกราน โดยเราสามารถเดินชมวิวและถ่ายรูปป้อมปราการจากระยะไกลที่เบื้องหลังจะเป็นเทือกเขาหิมะของฝั่งอัฟกานิสถานซึ่งเป็นภาพที่สวยงามและตราตรึงใจเราตลอดไป
• ชม บ่อน้ำพุร้อนบิบิ ฟาติมา (Bibi Fatima) ที่เป็นบ่อน้ำแร่ซึ่งคนท้องถิ่นมาใช้เป็นพื้นที่เล่นน้ำและอาบน้ำกัน
• เดินทางถึง หมู่บ้านอีกาชิม (Iskhashim)
• ให้ท่านได้ใช้เวลาตามอัธยาศัยในช่วงบ่ายหลังรับประทานอาหาร โดยท่านสามารถเดินได้ชมทั่วทั้งหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนี้ โดยถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ผิดปกติในช่วงนี้ เราจะสามารถไปเที่ยวยัง Border market ที่จะมีคนสองฝั่งคืออัฟกันและทาจิกมาทำการค้าบนเกาะกลางแม่น้ำ และเป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวที่จะได้พบเห็นคนอัฟกันอย่างใกล้ชิด ตลาดแห่งนี้มีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ทั้งนี้การเปิดปิดของตลาดแห่งนี้ขึ้นกับสถานการณ์ของความปลอดภัยของฝั่งอัฟกานิสถานในช่วงเวลานั้นๆ
• ที่พัก โฮมสเตย์ (Homestay)** ที่พักโฮมสเตย์ในทาจิกิสถาน ยังไม่สามารถยืนยันสถานที่ได้เนื่องจากขึ้นกับความพร้อมของชาวบ้าน ณ เวลานั้นๆอย่างไรก็ตามมาตรฐานของห้องพัก จะมีห้องแบบ 2 เตียงมาตรฐาน ห้องน้ำอาจจะเป็นห้องน้ำแยกหรือห้องน้ำรวม ซึ่งทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง**

ป้อมปราการยัมชุน (Yamchun fortresses)

ป้อมปราการยัมชุน (Yamchun fortresses)

วันที่ 8 : โครอค (Khorog)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฮมสเตย์
• มุ่งหน้าสู่ เมืองโครอค (Khorog) ที่เป็นเมืองตั้งอยู่ภายในหุบเขาถูกขนาบด้วยแม่น้ำทั้งหมด 2 สายมาบรรจบกันคืน Shokhdara River, Ghund River ซึ่งไหลไปรวมที่แม่น้ำปาญ (Panj river) อันเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศเพื่อนบ้านคืออัฟกานิสถาน
• เมืองโครอค (Khorog) เป็นศูนย์กลางของการปกครองใน เขต Gorno-Badakhshan Province ที่เป็นเขตปกครองตนเองที่แยกออกจากส่วนกลางของประเทศทาจิกิสถาน ที่นี่มีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่รวมถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ทำการอยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเขตปามีร์ มีประชากรมากกว่า 30,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกาย Ismailism (เป็นสาขาหนึ่งของนิกายชีอะห์) ในช่วงยุคคอมมิวนิสต์
• เมืองโครอค (Khorog) เป็นศูนย์กลางของกองทัพสหภาพโซเวียตในการสู้กับอิทธิพลของอังกฤษ (หลังจากที่สร้างที่ Murghab ที่เราพึ่งผ่านมาเมื่อสามวันที่แล้ว) เมื่อท่านเดินทางมาถึงโครอค แปลว่าท่านได้เดินทางกลับสู่โลกภายนอกได้เหมือนเดิมแล้ว หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในเขตหลังคาโลกมาตั้งแต่ตลอดการเดินทางไกลครั้งนี้
• ชม สวนพฤกษศาสตร์ปามีร์ (Pamir Botanical Garden) ที่สร้างขึ้นไว้เพื่อวิจัยเกี่ยวกับพืชพรรณที่ปลูกในที่สูงและภูมิประเทศที่ต่างๆกัน โดยปัจจุบันมีพืชพรรณมากว่า 4000 ชนิดในปัจจุบัน โดยจากสวนแห่งนี้เราจะสามารถมองเห็นภาพของ เมืองโครอค (Khorog) แบบพาโนราม่าได้อย่างสวยงาม ได้เห็นว่าเมืองที่ถูกขนาบด้วยหุบเขาและมีแม่น้ำไหลผ่านตรงกลางเป็นรูปร่างอย่างไร
• ชม พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น (Local History Museum) เพื่อชมนิทรรศการเกี่ยวกับ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และผู้คนของพื้นที่เขต Gorno-Badakhshan Region
• ที่พัก โรงแรม Khorog Serena Inn ซึ่งโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่ Aga Khan IV เป็นผู้สร้างและใช้เป็นที่ประทับในช่วงขณะที่พระองค์เสด็จเยือน Khorog

ถนนสู่เมือง เมืองโครอค (Khorog)

เมืองโครอค (Khorog)

วันที่ 9: คาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• ***ท่านที่ตื่นแต่เช้า สามารถเดินไปยัง ตลาดโครอค (Khorog Bazaar) ได้จากโรงแรม เพื่อชมวิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้าน และสามารถจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าท้องถิ่นได้จากที่นี่***
• ***ท่านสามารถเดินไปที่สวนสาธารณะใจกลางเมือง (Central Park) ได้จากที่พักด้วยเช่นกัน***
• มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านคาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb) ระยะทางระหว่างนี้ถือว่าค่อนข้างไกลเมื่อเทียบกับวันที่ผ่านๆมาของเรา โดยถนนในช่วงนี้จะคดโค้งไปตามแนวของแม่น้ำปาญ (Panj River) ในบางช่วงแม่น้ำอาจจะแคบลงจนเราอาจจะคิดว่าว่ายข้ามไปยังอัฟกานิสถานได้ เราจะได้ทึ่งไปกับความทุ่มเทในการสร้างถนนของคนในอดีตที่พยายามทำให้ถนนเส้นทางนี้เป็นจริงได้ ในช่วงปัจจุบันที่ถือว่าการเดินทางทำได้สะดวกสบายมากขึ้น แต่เมื่อมองย้อนกลับไปอดีตถือว่าถนน M41 หรือปามีร์ไฮเวย์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างโดยมนุษย์ที่สร้างเพื่อเอาชนะธรรมชาติในการเดินทางให้ได้เมื่อออกจากเมือง Khorog มา เราจะค่อยๆออกจากเขตของเทือกเขาปามีร์มาเรื่อยๆเช่นเดียวกัน ชาติพันธุ์ของผู้คนจะเปลี่ยนจากชาวปามีร์มาเป็นชาวทาจิก (Tajik) ระหว่างทางให้ได้ท่านได้ชมกับบรรยากาศความงามระหว่างและแวะถ่ายรูปตามความเหมาะสม
• กลางวัน เดินทางถึง หมู่บ้านคาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb)
• บ่าย ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย หมู่บ้านคาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb) ที่ในอดีตเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งป้อมปราการทางทางทหารในสมัยโบราณเนื่องจากอยู่ในจุดชัยภูมิคือมีแม่น้ำ Obikhumboi ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำปาญ (Panj River) ตรงตามความหมายของเมืองที่แปลว่า “ป้อมปราการแห่งคุมบ์” (Fortress on the Khumb)
• ที่พัก โรงแรม Karon Palace hotel

ถนนปามีร์ไฮเวย์ (Pamir Highway)

หมู่บ้านคาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb)

วันที่ 10 : ดูซานเบ (Dushanbe)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• ออกเดินทางออกจาก หมู่บ้านคาไลคุมบ์ (Kalai-Khumb) เรายังคงวิ่งลัดเลาะไปตามไหล่เขาเลียบแม่น้ำปาญ (Panj River) ซึ่งกั้นพรมแดนกับประเทศอัฟกานิสถานไปเรื่อยๆ จนถึงหมู่บ้าน Kisht-Poyon หมู่บ้านสุดท้ายที่เราจะได้เห็นแผ่นดินอัฟกานิสถาน หลังจากนี้เราจะวกกลับเข้าไปในแผ่นดินทาจิกิสถาน
• ระหว่างทางให้ท่านชม อ่างเก็บน้ำนูเรค (Nurek Reservoir) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สำหรับเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 11 ตารางกิโลเมตร นำท่านไปชม เขื่อนนูเรค (Nurek Dam) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นการไหลและเก็บกักน้ำของแม่น้ำวาคาห์ ที่ไหลมาจากเทือกเขาปามีร์ เขื่อนนี้ใช้สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งได้ติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีกำลังความสามารถ ทำให้เกิดการผลิตได้ประมาณ 3,015 เมกกะวัตต์
• เดินทางถึง เมืองหลวงดูซานเบ (Dushanbe) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน คำว่า ดูชานเบ ในภาษาทาจิก มีความหมายว่า วันจันทร์ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากข้อเท็จจริงที่เมืองเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องตลาดวันจันทร์ นำท่านไปชมความสวยงามของเมืองดูชานเบ
• ชม สวนรูดากี้ (Rudaki Park) สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเกียรติแด่ รูดากี้ (Rudaki) ซึ่งเป็นนักประพันธ์บทกวีที่มีชื่อเสียงชาวเปอร์เซียซึ่งอยู่ในปี ค.ศ. 859-941 เขาเกิดที่เมืองเพนจิเค้นท์ปัจจุบันอยู่ในทาจิกิสถาน ในชีวิตต่อมาได้ตาบอดสนิท แต่ความสามารถและพรสวรรค์ที่มีได้ทำให้รูดากี้กลายเป็นกวีที่มีชื่อเสียงและถูกเรียกเข้าไปถวายงานข้างกายของกษัตริย์ในสมัยนั้น
• ชม อนุสาวรีย์ของอิสมาอิล โซโมนี่ (Ismoili Somoni Statue) อดีตกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ซามานิดที่เคยครอบครองผืนแผ่นดินใหญ่ของเอเชียกลาง
• ชม ตลาดชาห์มานซูร์ (Shah Mansur Bazaar) หรือมีชื่อว่า ตลาดเขียว ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งจำหน่ายสินค้าหลายๆ ชนิด ให้ท่านได้พักผ่อนเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
• ที่พัก โรงแรม Dushanbe Serena Hotel

อ่างเก็บน้ำนูเรค (Nurek Reservoir)

เสาธงของดูชานเบ (Dushanbe Flagpole)

วันที่ 11 : ดูซานเบ (Dushanbe)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
• วันนี้ในช่วงเช้าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวภายในเขตเมืองหลวงดูซานเบ
• พระราชวังแห่งการรวมชาติ (Palace of Unity) หรือมีชื่อว่า พระราชวังวาห์ดัท (Vahdat Palace) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของตัวเมือง เป็นที่ทำการของพรรครัฐบาลนั่นคือ พรรค People’s Democratic Party of Tajikistan
• เสาธงของดูชานเบ (Dushanbe Flagpole) เป็นเสาธงที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกซึ่งมีความสูงถึง 165 เมตร อันดับที่ 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นที่หลังอยู่ที่เมืองเจดด้าห์สูงถึง 170 เมตร และอันดับที่ 3 อยู่ที่เมืองบาคู ในอะเซอร์ไบจานที่มีความสูง 162 เมตร
• พิพิธภัณฑ์ของโบราณ (Museum of Antiquities) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บสะสมสิ่งของโบราณที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ และเผ่าพันธ์ของชาวทาจิกในอดีต ภายในได้สะสมสิ่งของที่มีค่าน่าสนใจทางวัฒนธรรม เช่น พระพุทธรูปนอนยาวถึง 14 เมตร (Reclining Buddha Attaining Final Nirvana)
• เที่ยง รับประทานอาหารท้องถิ่นที่ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติดูซานเบ (Dushanbe International Airport)
• 13.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองอัลมาตี้ (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน ด้วยสายการบิน Air Astana เที่ยวบิน KC132 (ระยะเวลาบิน 1.45 ชั่วโมง)
• 16.45 น. เดินทางถึง เมืองอัลมาตี้ (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน จากนั้นเราจะเข้าสู่ Transit Hall จากนี้เป็นช่วงเวลาตามอัธยาศัยซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อของฝาก และรับประทานอาหารเย็นกันได้ภายในนี้ (ระยะเวลารอ 8.45 ชั่วโมง)

ทำเนียบประธานาธิบดี

วันที่ 12 : กรุงเทพ

• 01.00 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ ประเทศไทย ด้วยสายการบิน Air Astana เที่ยวบิน KC931 (ระยะเวลาบิน 6.55 ชั่วโมง)
• 08.55 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ