ทัวร์ซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabia)

 เยี่ยมเยือนแหล่งอารยธรรมดินแดนตะวันออกกลาง  หินรูปช้างปฏิมากรรมของธรรมชาติ

ออกเดินทาง 8-16 มกราคม  2568

วันที่ 8 มกราคม 2568 (วันที่ 1): สนามบินสุวรรณภูมิ-เจดดาห์

• 13:00 น.  ต้อนรับทุกท่านที่ สนามบินสุวรรณภูมิ สังเกตป้าย บริษัท  PATOURLOGY” ท่านก็รับเอกสารที่จำเป็นในการเดินทาง ทางเราจะมีหน้าที่คอยช่วยเหลือท่านเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินไทยหลังจากโหลดกระเป๋าแล้ว รับบัตรโดยสาร เชิญอิสระด้านในอาคาร แล้วพบกับ มัคคุเทศก์ประจำทริปที่เกทประตู  (กรุณาเดินทางไปถึงเกทประตูก่อนเวลาเครื่องออก 40 นาที)
• 15:20 น.  นำท่านออกเดินสู่ สนามเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยสายการบิน ซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SV845 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง
• 20:30 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเมืองเจดดาห์ ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย เรียบร้อยแล้ว (อย่าลืมปรับเวลาด้วยนะครับ) ผ่านด่านตรวจเข้าเมือง พร้อมรับกระเป๋าที่สายพานท่านจะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำทำธุระ ก่อนที่จะออกไปรวมพลกันด้านนอกของบริเวณอาคารขาเข้า ( Arrival Hall )

ที่พัก    MÖVENPICK HOTEL TAHLIA JEDDAH  **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 9 มกราคม 2568(วันที่ 2)    เจดดาห์ – ย่านเมืองเก่า (Al-Balad) –น้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด – มัสยิดลอยน้ำ  – Mecca Gate

• เช้า    รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่านชม เมืองเจดดาห์ เป็นเมืองท่าที่สำคัญหนึ่งของซาอุดิอาระเบียและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ อีกทั้งเป็นเมืองตากอากาศที่เป็นนิยมที่สุดของซาอุดิอาระเบียและเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเล Red Sea นำท่านชม ย่านเมืองเก่า (Al-Balad) เมืองเก่านี้มีอาคารที่มีความสำคัญประวัติศาสตร์หลายหลังที่สร้างขึ้นจากปะการังโดยมีหน้าต่างโครงตาข่ายที่ทำจากไม้เพื่อให้ลมทะเลพักพาความเย็นเข้าสู่ภายในอาคารได้แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของคนที่อาศัยอยู่ภายในอาคารได้ ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9

• นำท่านชม    น้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด ที่เป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลกพุ่งสูงกว่า 305 เมตร มองเห็นได้จากเกือบทุกมุมทั่วเมืองและตอนกลางคืนจะสว่างจ้าไปด้วยแสงสีสวยงาม
• กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
• จากนั้นพาท่านชม  มัสยิดลอยน้ำ  สร้างไว้บนเสาเหนือน้ำดังนั้นมันจึงดูเหมือนลอยอยู่บนน้ำ เป็นมัสยิดที่ยังใช้การอยู่แต่ก็เปิดบริการ ในอดีตคือที่ขังนักโทษ

• ช่วงเย็นๆเราจะขับรถผ่านชมถนนเลียบทะเล ภูมิทัศน์ที่สวยงามของเมืองเจดดาห์ เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่งดงามทอดตัวยาวกว่า 30 กิโลเมตรบริเวณริมทะเลของตัวเมือง

• ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
• ที่พัก   MÖVENPICK HOTEL TAHLIA JEDDAH   **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 10 มกราคม 2568 (วันที่ 3) : เมืองทาอีฟ – พระราชวังชูห์บรา

• เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก  
• ออกเดินทางสู่เมือง ทาอีฟ (Taif) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง หรือเรียกกันว่าเมือง อัฎฎออิฟ เป็นเมืองที่อยู่ในแคว้นมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,879 เมตรตามเนินลาดทิวเขาอัสซะเราะวาต (Al-Sarawat Mountains) ประชากรในเมืองมีทั้งหมด 1,200,000 คน เป็นเมืองหลวงในฤดูร้อนอย่างไม่เป็นทางการ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาชีพเกษตรกรรม สินค้าโดดเด่นคือ องุ่น ทับทิม มะเดื่อ ดอกกุหลาบ และน้ำผึ้ง นำท่านขึ้นชม หน้าผาของเมืองทาอีฟ เพื่อที่ท่านจะได้มีโอกาสเห็นลิงบาบูน บริเวณนี่จะมีที่สำหรับให้ท่านได้ขี่อูฐเล่น

• กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
• จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปด้านหน้ากับพระราชวังชูห์บรา  (Shubra)  เป็นพระราชวังหลวงที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ 1858 เป็นที่ประทับของกษัตริย์ อับดุลลาซิส ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ 1995

• ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
• ที่พัก   MÖVENPICK HOTEL TAHLIA JEDDAH  **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 11 มกราคม 2568 (วันที่ 4) : เมดินา – มัสยิดกุบา – พิพิธภัณฑ์ Dar Al

• Medinah – สถานีรถไฟ Al Madina Museum Railway Station
• เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟเมืองเจดดาห์ เพื่อเดินทางสู่เมืองเมดินา
• นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเมดินา โดยรถไฟความเร็วสู่ง Bullet Train ที่วิ่งด้วยความเร็วได้สูงสุดที่ 300KM/ชั่วโมง

• เดินทางถึงเมือง เมืองเมดินา เป็นนครที่สำคัญทางศาสนาอิสลาม อันดับสองลองจากนครมักกะฮ์ เป็นนครของศาสนทูตมุฮัมมัด นำท่านชม มัสยิดกุบา (Quba Mosque)  เป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเมดินา เริ่มแรกมัสยิดถูกสร้างขึ้นห่างจากเมืองเมดินา 6 กิโลเมตร ก่อนที่เมดินาจะขยายไปรวมหมู่บ้านนี้ มัสยิดแห่งนี้อาจเป็นมัสยิดแห่งแรกในโลกที่มีอายุยืนยาวถึงช่วงอายุของมุฮัมมัดในศตวรรษที่ 7
• กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
• นำท่านแวะถ่ายรูปเฉพาะด้านหน้ากับ มัสยิด เอล นาบาวี (Al Masjid an Nabawi) เป็นมัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับสองลองจากมัสยิดที่นคร เมกกะ ซึ่งมัสยิดนี้ถูกสร้างในสมัยของ นบีมูฮัมหมัด

• จากนั้นพาท่านชมสวนอินทผาลัม เมืองเมดิน่าเป็นหนึ่งเมืองที่ทำเกษตรกรรมได้ดีที่สุดของผลไม้ชนิดนี้ ให้ท่านได้ชิมอินทผาลัม และสามารถเลือกซื้อกลับไปที่บ้านได้

• จากนั้นชม พิพิธภัณฑ์ DAR AL MEDINAH เป็นหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และเก็บคราวของเครื่องใช้ในทางโบราณคดีมากกว่า 2,000 ชิ้น

• ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
• ที่พัก  LE MÉRIDIEN MEDINA   **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 12 มกราคม 2568(วันที่ 5):   มาเดน ซาเลห์ – อัลอูลา – เมืองโบราณ เฮกรา  สุสานของบุตรแห่งคูซา -MARAYA

• เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่านเดินทางสู่ เมือง มาเดน ซาเลห์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabatean Kingdom) อารายธรรมเดียวกับที่สร้างเปตรา เมืองหินแกะสลักโบราณในประเทศจอร์แดน ชมเมือง อัลอูลา อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย อัลอูลา เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดบนคาบสมุทรอาระเบียที่มีหลักฐานทางโบราณคดีย้อนอายุไปได้กว่า 7,000 ปี เป็นที่ตั้งของ เมืองโบราณเฮกรา (Hegra) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก โดยมีสุสานเกือบ 100 แห่งที่ยังอยู่ในสภาพดี อุดมไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่น่าสนใจอีกมากมาย

• กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• นำท่านชม เมืองโบราณเฮกรา (Hegra) เต็มไปด้วยมรดกของมนุษย์ และธรรมชาติอันแสนมหัศจรรย์ ภูมประเทศมีทั้งหุบเขาเขียวชอุ่ม ภูเขาหินทรายตั้งตระหง่าน และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอายุเก่าแก่หลายพันปี เมืองโบราณแห่งนี้มีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ และเคยเป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของราชอาณาจักรแนบาเทีย โดยมีสุสานเกือบ 100 แห่งที่ยังอยู่ในสภาพดี และมีการตกแต่งผนังภายนอกอย่างวิจิตรงดงาม ชม สุสานของบุตรแห่งคูซา (Tomb of Lihyan Son of Kuza) หรือฉายา ปราสาทแห่งความเดียวดาย (The Lonely Castle แปลจากภาษาอาหรับ Qasr Al Farid) ถือเป็นไฮไลต์ของสุสานหินที่สลักจากภูเขาหินทรายทั้งลูก เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบแนบาเทีย (Nabataean อารยธรรมที่สร้างนครเพตรา) ที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองมรดกโลกเฮกรา

• นำท่านชม ตึกกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (MARAYA) ณ กลางทะเลทรายหุบเขาอัชชาร์ (Ashar Valley) สิ่งก่อสร้างใหม่ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ที่หุบเขาอาชาร์ที่มีแท่งหินรูปทรงต่างๆ  MARAYA เป็นภาษาอาราบิก แปลว่า กระจก แนวคิดในการก่อสร้างที่ใช้วัสดุค่อนข้างแตกต่างจากอาคารทั่วไปในเมืองมาจากสถานะตามประวัติศาสตร์ของอัลอูลา

• ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
• ที่พัก      HABITAS ALULA **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 13 มกราคม 2568(วันที่ 6):   ดาดัน-ยามาล อิกมะห์ -สถาบันวิจัย  The Kingdoms Institute – หินรูปช้าง (Elephant Rock)

• เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่าน ชมดาดัน (Dadan) เมืองหลวงของราชอาณาจักรดาดัน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในคาบสมุทรอาหรับในช่วง 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ใจกลางเขตโอเอซิสกลางหุบเขาคือเมืองโบราณดาดัน ซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานและหลักฐานที่แสดงที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรดาดัน (Kingdom of Dadan) ช่วงราว 800-900 ปีก่อนคริสตกาล อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรลิยัน (Kingdom of Lihyan) ช่วงราว 500-200 ปีก่อนคริสตกาล ไฮไลต์ในเมืองดาดันคืองานแกะสลักภูเขาหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ที่ เรียกว่า สุสานสิงโต หรือ Lion’s Tombs ซึ่งมีบันไดจากพื้นราบขึ้นไปสู่ตัวสุสานด้านบน สันนิษฐานว่าสุสานหินสีน้ำตาลแดงที่สลักเป็นรูปสิงโต 2 ตัวอยู่ด้านหน้าทางเข้าของปราสาทที่ใหญ่โตเป็นภูเขากลางที่ราบนี้น่าจะเป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครองอาณาจักรสมัยนั้น

• นำท่านชม ห้องสมุดกลางแจ้งบนภูเขายามาล อิกมะห์ (Jabal Ikmah) อิกมะห์พบจารึกบนผาหินจำนวนมาก ภูเขายามาล อิกมะห์จึงได้ฉายาว่า ห้องสมุดกลางแจ้ง เป็นห้องสมุดขนาดมหึมาที่มีการจารึกบนผาหินด้วยอักขระกว่าหลายร้อยตัวผสมผสานกับงานสลักหินเป็นรูปต่าง ๆ เป็นทางยาว เล่าเรื่องราวสะท้อนพิธีกรรม เช่น ภาพ เครื่องดนตรี รูปร่างมนุษย์และสัตว์ สะท้อนวิถีชีวิตชาวลิยันและชาวดาดัน ที่ก่อร่างสร้างอารยธรรมในแถบนี้เมื่อราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล

• กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• จากนั้นนำท่านชม หินรูปช้าง (Elephant Rock) หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า Jabal AlFil ที่รูปร่างเหมือนช้างขนาดใหญ่สูง 52 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่อลังการมาก ประติมากรรมหินทรายเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นลม ฝน น้ำแดด จนได้เป็นรูปทรงแปลกตาชวนให้จินตนาการ

• ค่ำ      รับประทานอาหารค่ำ  ณ ภัตตาคาร
• ที่พัก  HABITAS  ALULA   **หรือเทียบเท่า**

วันที่14 มกราคม 2568(วันที่ 7) :    อัลอูลา -รียาด- เมืองอัดดิรอียะฮ์ – คิงดอม เซ็นเตอร์

• เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเมืองอัลอูลา เพื่อทำการเช็คอิน กับสายการบิน ซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์
• 08:35 น.  นำท่านออกเดินทางสู่เมือง ริยาด โดยเที่ยวบินที่ SV 1575
• 10:05 น.  เดินทางถึง เมืองรียาด (Riyadh) เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบียที่เป็นแหล่งรวมสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญหลายแห่งของประเทศเอาไว้ ชื่อเมืองมาจากภาษา  อารบิกคำว่า rawdah ซึ่งหมายถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยสวน และต้นไม้
• กลางวัน    บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารไทย
• นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัดดิรอียะฮ์ Ad Diriyah ตั้งอยู่ชานเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) และเป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เมืองนี้เป็นเมืองหลวงเก่าของซาอุดิอาระเบียและเป็นบ้านของครอบครัว Al Saud ด้านที่เป็นความทันสมัยจะมีคาเฟ่ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก อีกทั้งนัยังสามารถข้ามสะพานถนน Wadi Hanifah ไปยังเขต Al Turaif ที่มีที่พักอาศัยของราชวงศ์โบราณ

• จากนั้นนำท่านขึ้นชมตึก คิงดอม เซ็นเตอร์ Kingdom Centre ซึ่งเป็นตึกที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่ชั้นบนสุดมีสะพานลอยฟ้า (skybridge) ที่มีความยาว 65 เมตร ตัวอาคารด้านบนมีลักษณะเด่นที่ช่องว่างของอาคารเป็นเส้นโค้งวงกลมกลับหัวที่ค้ำยันสะพานลอยฟ้า

• ค่ำ        รับประทานอาหารค่ำ  ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
• ที่พัก     CROWNE PLAZA RIYADH PALACE  **หรือเทียบเท่า**

วันที่ 15 มกราคม 2568(วันที่ 8) : ริยาด-ตลาด Souq al Zal –สนามบินเจดดาห์

• เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีโบราณวัตถุมากกว่า 3,700 ชิ้นจัดแสดงอยู่ จากนั้นนำท่านชม ป้อมปราการ Al Masmak เป็นป้อมปราการดินเหนียว และอิฐโคลนขนาดใหญ่ ด้านนอกที่ีเป็นป้อมปราการดิน ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นคลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์ และหลังจากที่โดน Ibn Saud โจมตีป้อมปราการในปี ค.ศ. 1902 สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเรือนจำแทน

• กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
• จากนั้นให้ท่านได้อิสระเดินเล่น ตลาด SOUQ AL ZAL ให้ท่านได้เลือกซื้อสิ้นค้าที่ระลึกกลับไป ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติริยาด เพื่อทำการเช็คอิน

• 19:00 น.  ออกเดินทางโดยสายการบิน ซาอุดิอาระเบียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SV 1045
• 20:40 น.  เดินทางถึงสนามบิน เจดดาห์ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
• อิสระให้ท่านได้ รับประทาน อาหาร เย็น ที่สนามบินเจดดาห์ 
• จากนั้นนำท่านเช็คอิน ณ เคาท์เตอร์สายการบินไทย

วันที่ 16 มกราคม 2568(วันที่ 9):   เจดดาห์- กรุงเทพมหานคร

• 02:45 น.  ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน ซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SV 1045
• 13:40 น.   เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

หมายเหตุ:  กำหนดการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ, การเมือง, สายการบินหรืออัตราแลกเปลี่ยนทั้งนี้โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของท่านเป็นสำคัญ

บริการนี้รวม

• ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ – ซาอุดิอาระเบีย ชั้น ECONOMY CLASS สายการบินตามที่ระบุในรายการพร้อมน้ำหนักกระเป๋า
• ค่าตั๋วเครื่องบินภายในจำนวน 1 เที่ยวบิน ชั้น ECONOMY CLASS
• ค่ารถไฟความเร็วสูง เจดดาห์-เมดินา ชั้นที่นั้ง ECONOMY CLASS
• ค่ายานพาหนะในการเดินทางรถโค้ชปรับอากาศตลอดทริป
• โรงแรมและอาหารเช้าตามที่ระบุในรายการพักห้องละ 2 ท่าน หรือระดับเทียบเท่า
• มื้ออาหารกลางวันและเย็นตามที่ระบุในรายการ
• ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวตามที่ระบุในรายการ
• ประกันการเดินทาง เงื่อนไขตามกรมธรรม์

บริการนี้ไม่รวม

• ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์ ค่าทำหนังสือเดินทางเป็นต้น
• ค่ามื้ออาหารที่ไม่ได้ระบุไว้
• Vat 7% และ หัก ณ ที่จ่าย 3%