ทัวร์โมรอคโค (Morocco)

 ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะลทรายซาฮาร่า ตามรอยเส้นทางเหล่าคาราวานในอดีตผ่านเมืองสำคัญทั้ง Rabat, Fes, Ouarzazate, Merzouga, Marrakesh, Ait Ben Hadden และตามรอยภาพยนตร์ดังที่คาซาบลังก้า (Casablanca)

ออกเดินทาง 2 – 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566

1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 1 : กรุงเทพฯ (ฺBangkok) – ดูไบ (Dubai)

• 23.00 น. นัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 9 แถว T เคาน์เตอร์สายการบิน Emirates เจ้าหน้าที่จากบริษัทฯจะคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง

Rabat

Médina de Rabat

3 ธันวาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 3 : ราบัต (Rabat) – เชฟเชาอูน (Chefchaouen) ***ระยะทาง 250 กิโลเมตร***

• รับประทานอาหารเช้า
• เดินทางสู่เมือง เชฟเชาอูน (Chefchaouen) ระยะทาง 253 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3.5 – 4 ชั่วโมง
• เชฟชาอูน (Chefchaouen) นครสีฟ้าที่ได้ชื่อว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโค” แม้ว่าโมรอคโคจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่เพราะการที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงทำให้ภูมิอากาศของประเทศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของอิตาลีและ สเปน
• เชฟชาอูน (Chefchaouen) ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 540 ปี ในอดีตก่อนที่โมรอคโคจะได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมดในปี 1956 เมืองเชฟชาอูนเคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 คน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองเชฟชาอูนได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• นำท่านเข้าที่พักและให้ท่านได้มีโอกาสเดินเล่นในเมืองเชฟชาอูน สวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาวและสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ประกอบกับอากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว แห่งนี้ทีเดียว
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Dar Echchaouen Maison d’hôtes & Riad ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า*

เชฟชาอูน (Chefchaouen)

เชฟชาอูน (Chefchaouen)

• รับประทานอาหารเช้า
• เดินทางสู่ เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ระยะทาง 160 กิโลเมตร ทว่าปัจจุบันเมืองโบราณแห่งนี้เหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ.1755  ซึ่งชวนให้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต แวะชมเมืองผ่านจุดสำคัญๆ
• รับประทานอาหารเที่ยง
• เดินทางต่อไปยัง เมืองเฟซ (Fes) ด้วยระยะทาง 80 กิโลเมตร เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ใกล้กับ เทือกเขารีฟ (Rif Mountain) เขตทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง (Middle Atlas) และมีแม่นํ้าเฟส (River Fes) ไหลผ่านกลางเมือง ที่นี่เป็นเมืองที่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ทำให้ยังสามารถสัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิคของเมืองแห่งนี้ เมืองเฟซเป็นเมืองหลวงหนึ่งในสี่ที่เก่าแก่ที่สุดของโมรอคโค
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Fes Marriott Hotel Jnan Palace ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*

เฟซ (Fes)

เฟซ (Fes)

Mosque at Bab Guissa Gate

เฟซ (Fes)

5 ธันวาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 5 : เฟซ (Fes)

• รับประทานอาหารเช้า
• ชม เมืองเฟซ (Fes) เมืองเก่าแก่ที่มีความสําคัญทางประวัติศาสตร์ของโมรอคโค เคยเป็นเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 8 และชมวิวที่ป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน
• ชม พระราชวังแห่งเฟซ (The Royal Palace) ที่ส่วนงามมีจุดไฮไลท์คือบริเวณประตูทางเข้าของพระราชวังออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค  เดิมบริเวณพระราชวังเคยเป็นชุมชนชาวยิว เนื่องจากชาวยิวฉลาดทําการค้า สุลต่านและกษัตริย์ในอดีตจึงให้ชาวยิวมาเป็นบริวารอยู่โดยรอบวัง เพื่อการเก็บภาษีจากการค้าได้ง่ายขึ้น
• เข้าชม เขาวงกตแห่งเมืองเฟซ (Maze of Fes) เมื่อเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนได้ข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต โดยถนนแต่ละเส้นได้แบ่งออกเป็น 100 เส้น มีซอยเล็กๆกว่า 10,000 ซอย โดยมีซอยแคบสุดคือ 50 เซนติเมตร ถึงกว้างสุดคือ 3 เมตร โดยจะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง ย่านขายพรม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ชม เมอเดอร์ซา บัว อินนาเนียห์ (Merdersa Bou Imania) เป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ ที่ตั้งอยูในเขตเมืองเก่าออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบมัวร์  ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าจะได้พบกับ นํ้าพุสาธารณะ (Nejjarine Fountain) สถานที่ที่ชาวมุสลิมใช้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด
• เข้าชม สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิสิทธิ์
• สุเหร่าคาราอูวีนาห์  (Kairaouine Mosque) ที่เป็นทั้งสุเหร่าและมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งบริเวณด้านในจะอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น
• จากนั้นนําท่านเดินชม ย่านเครื่องหนัง และชมบ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ให้อิสระในการเดินช้อปปิ้งเครื่องหนัง
• ที่พัก โรงแรม Fes Marriott Hotel Jnan Palace ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น

เฟซ (Fes)

เฟซ (Fes)

6 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 6 : เฟซ (Fes) – เมอร์ซูก้าร์ (Merzouga) – ทะเลทรายซาฮารา (Sahara Desert) ***ระยะทางประมาณ 460 กิโลเมตร***

• รับประทานอาหารเช้า
• เดินทางสู่ เมืองอิเฟราน (Ifrane) ระยะทาง 70 กิโลเมตร เมืองตากอากาศที่ได้ชื่อว่าเป็น “เจนีวาแห่งโมรอคโค” ที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้มีอากาศสบายตลอดทั้งปี บรรยากาศของอาคารบ้านเรือนซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีหลังคาสีแดงโดดเด่นตัดกับอาคารสีขาวหรือสีไขไก่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านตุ๊กตา
• เดินทางสู่เขตทะเลทรายซาฮาร่าสู่ เมืองอาร์คฟุนด์ (Erfoud) ระยะทาง 340 กิโลเมตร เมืองที่มีโอเอซิสเป็นศูนย์กลางมักจะมีคาราวานเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน เมืองอาร์คฟุนด์มีการทําระบบชลประทานใต้ดินเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองเมอร์ซูการ์ (Merzouga) ด้วยระยะทาง 50 กิโลเมตร โดยจะต้องนั่งรถ 4WD เข้าไปยังทะเลทรายซาฮาร่า(Sahara) ทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเข้าพักแคมป์เต็นท์ที่ทะเลทราย **ท่านต้องเตรียมกระเป๋าสัมภาระใบเล็ก แยกไว้เพื่อนำไปใช้สำหรับการพักในทะเลทราย จำนวน 1 คืน**
• ที่พัก Sahara Luxury Camp เทียบเท่า* พักแคมป์เต็นท์สไตล์ชาวเบดูอิน สัมผัสบรรยากาศที่พักท่ามกลางผืนทะเลทรายซาฮาร่าอันกว้างใหญ่
• รับประทานอาหารเย็น

ทะเลทรายซาฮารา (Sahara Desert)

ทะเลทรายซาฮารา (Sahara Desert)

ทะเลทรายซาฮารา (Sahara Desert)

ทะเลทรายซาฮารา (Sahara Desert)

7 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 7 : เมอร์ซูก้าร์ (Merzouga) – วอร์ซาเซท (Ouarzazate) ***ระยะทาง 370 กิโลเมตร***

• 05.00 น. ประสบการณ์ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า บรรยากาศชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลทรายที่สวยงามราวกับภาพวาด
• รับประทานอาหารเช้า
• จากนั้นเดินทางสู่ ท็อดดราจอร์จ (Todra George) ระยะทาง 200 กิโลเมตร ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส กับหน้าผาสูงชันแปลกตาบริเวณนี้ยังเป็นจุดปีนหน้าผาที่ได้รับความนิยมจากนักปีนผาจากทั่วโลก
• แวะชม โอเอซิสเต็นนีร์รูห์ (Tinghir Oasis) โอเอซิสกลางทะเลทรายที่สวยงามแปลกตาจากด้วยทัศนียภาพและต้นปาล์ม
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ผ่าน ช่องเขา Tizi n’Tichka Pass
• จากนั้นเดินทางสู่ เมืองวอร์ซาเซท (Ouarzazate) ระยะทาง 170 กิโลเมตร เพื่อแวะรับประทานอาหาร เมืองนี้เดิมเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของฝรั่งเศส เป็นสถานที่ตั้งกองกําลังทหารและศูนย์กลางการบริหาร นอกจากนั้นเมืองนี้ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Mummy, Gladiator, The Game of Thrones
• เดินทางต่อไปบนเส้นทาง ถนนแห่งคาชซาบาห์ (The Road of a Thousand Kasbahs) หรือ “ป้อมปราการนับพัน” เนื่องจากตลอดเส้นทางถนนมีปราสาทน้อยใหญ่แห่งเรียงรายสุดลูกหูลูกตานับไม่ถ้วน
• ที่พัก โรงแรม Dar Chama ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น

วอซาเซท (Ouarzazate)

8 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 8 : วอซาเซท (Ouarzazate) – มาราเกซ (Marrakesh) ***ระยะทาง 210 กิโลเมตร***

• รับประทานอาหารเช้า
• เข้าชม พระราชวังคาชซาบาห์ทาวริส (Kasbah Taourirt) พระราชวังของตระกูลกลาวี ที่ภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆมากกว่า 300 ห้อง  ตัวอาคารถูกสร้างแนบชิดติดกันเพื่อป้องกันแสงและความร้อน เส้นทางซับซ้อนวกวนเหมือนเขาวงกต
• เดินทางสู่ เมืองไอ บิน ฮาดู (Ait Ben Haddou) ระยะทาง 30 กิโลเมตร
• เข้าชม คาชบาห์แห่งเมืองเอทเบนฮาดดู หรือ พระราชวังไอท์ เบนฮาดดู (Kasbah Of Ait Ben Haddou) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้งที่เชื่อว่าอาจเคยพบเห็นในภาพยนตร์ดังหลายๆเรื่อง เช่น  Lawrance of Arabia, Gladiator, Price of Persia และ The Game of Thrones ซึ่งปัจจุบันได้ร้บการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987
• รับประทานอาหารเที่ยง
• เดินทางต่อไปยัง เมืองมาราเกซ (Marrakesh) ระยะทาง 180 กิโลเมตร เมืองที่ได้ชื่อว่ามีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คนท้องถิ่นเรียกเมืองนี้ว่า เมืองสีชมพู หรือ A City of Drama ลักษณะอาคารบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มทั้งหมดตามข้อกำหนดของรัฐบาลทั่วทั้งเมือง เมืองยามกระทบกับแสงของตัวอาทิตย์จะสะท้อนสีส้มชมพูสวยงามราวกับภาพในนิยาย เมืองนี้ในอดีตเคยเป็นที่พักของเหล่าคาราวานอีกด้วย
• ให้อิสระซื้อของของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รอบจัตุรัส จนกระทั่งได้เวล่อันสมควร
• รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
• ที่พัก โรงแรม Movenpick Hotel Mansour Eddahbi Marrakech ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*

เมืองไอ บิน ฮาดู (Ait Ben Haddou)

เมืองไอ บิน ฮาดู (Ait Ben Haddou)

เมืองมาราเกซ (Marrakesh)

9 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 9 : มาราเกซ (Marrakesh)

• รับประทานอาหารเช้า
• เข้าชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิป แซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) สวนอันโดดเด่นด้วยสีน้ำเงินและสีเหลืองที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส
• เยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) พระราชวังของท่านมหาอํามาตย์ ผู้สําเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต ที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมแนวสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ตัวพระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น การวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนวิจิตรบรรจงสวยงาม
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ชม มัสยิดคูทูเบีย (Koutoubia Mosque) เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ที่โดดเด่นและสามารถมองเห็นได้จากเกือบทุกจุดของเมือง ผ่านชม จัตุรัสกลางเมือง (Djemaa Fnaa Square) ที่คึกคักไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และตลาดทั้ง 4 ด้านซึมซับกลิ่นอายแบบโมรอคโค
• เดินทางต่อไปยัง สุสานราชวงศ์ซาเดียน (Saadian Tombs) ที่ฝังพระศพของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ซาเดียน(Saadian Dynasty) ที่ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงดงามภายใน งานศิลปะแบบมัวริส (Moorish) ความวิจิตรอลังการของห้องโถง และสวนด้านนอกที่สร้างเลียนแบบสวนสวรรค์ของพระอัลเลาะห์ (Allah’s Paradise)
• ที่พัก โรงแรม Movenpick Hotel Mansour Eddahbi Marrakech ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น

Koutoubia Mosque

Menara Pavilion

Jamaa el Fna market square

10 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 10 : มาราเกซ (Marrakesh) – คาซาบลังก้า (Casablanca) ***ระยะทาง 300 กิโลเมตร***

• รับประทานอาหารเช้า
• เดินทางเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกสู่ เมืองแอล จาดีดา (El Jadida) ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร อดีตเมืองท่าสำคัญของชาวโปรตุเกส ซึ่งต่อมาตกอยู่ใต้การปกครองของสเปนและกลับมาเป็นของชาวโปรตุเกสอีกครั้ง เกิดเป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างวัฒนะรรมยุโรปและโมรอคโค
• จากนั้นเดินทางสู่ คาซาบลังก้า (Casablanca) ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร อีกเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 5 ล้านคน โดยคำว่า Casablanca หมายถึง บ้านสีขาว คําว่า ‘คาซา’ แปลว่า บ้าน และ ‘บลังกา’ แปลว่า สีขาว บรรยากาศอาคารตึก บ้านเมืองสีขาวทั่วไปทั้งบริเวณ
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ชม สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan Mosque II) สุเหร่าริมทะเลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ(Mecca) ที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ที่ถือเป็นอีกจุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่งของเมือง
• ชม โบถส์คริสเตียน (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงาม แสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
• ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Hotel, Casablanca City Center ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น

คาซาบลังก้า (Casablanca)

11 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 11 : คาซาบลังก้า (Casablanca) – ดูไบ (Dubai)

• รับประทานอาหารเช้า
• เข้าชม สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan Mosque II) สุเหร่าริมทะเลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ(Mecca) ที่ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ที่ถือเป็นอีกจุดชมวิวที่สวยงามจุดหนึ่งของเมือง
• ชม โบถส์คริสเตียน (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงาม แสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ผ่านย่าน ไอน์ ดีแอปด์ (Ain Diab)ย่านที่พักตากอากาศริมทะเลของชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มักเป็นเขตที่พักของผู้มีฐานะในประเทศ รวมถึงดาราฮอลลีวูด
• รับประทานอาหารเที่ยง
• 11.00 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานคาซาบลังก้า (Casablanca Mohammed V International Airport)
• อาหารเที่ยงรับประทานตามอัธยาศัยภายในสนามบิน
• 15.05 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ (Dubai) โดย สายการบิน Emirates EK 752 (ระยะเวลาบิน 7 ชั่วโมง 25 นาที)

Hassan Mosque II

12 ธันวาคม พ.ศ.2566 วันที่ 12 : ดูไบ (Dubai) – กรุงเทพ

• 01.30 น. เดินทางถึง ดูไบ (Dubai)
• พักเปลี่ยนเครื่อง 1 ชั่วโมง 35 นาที
• 03.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ สายการบิน Emirates EK 384 (ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง)
• 12.05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

***เส้นทางการท่องเที่ยวของโมรอคโคจะเป็นการเดินทางโดยรถทั้งหมด และแต่ละจุดมีระยะห่างที่ค่อนข้างมาก มีการนั่งรถระยะทาง 200+ กม./วัน ติดกัน ท่านต้องทราบเรื่องนี้ก่อนทำการจอง***