ทัวร์โดโลไมท์ (Grand Dolomites)

3 – 14 มิถุนายน / 18 – 29 กรกฎาคม / 1 – 12 สิงหาคม

ทัวร์อิตาลี ภาคเหนือ สัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่อลุงการณ์ของเทือกเขาโดโลไมท์ เส้นทางวาดอร์ เชีย (Val D’Ocia) เส้นทางที่สวยที่สุดในอิตาลีสุด Unseen ชมความสวยงามอันมีเอกลักษณ์ตามเมืองสำคัญๆของอิตาลีทางเหนือ  เยือนเกาะเวนิสมหานครทางน้ำ

เป็นเส้นทาง Road trip ใช้การขับรถ Mercedes V Class ขนาด 9 ที่นั่ง รับทั้งหมด 6 คน ไม่รวมคนขับ เพื่อใช้ที่ในการวางกระเป๋า

คนขับรถเป็นไกด์ชาวไทยพร้อมทำการถ่ายภาพให้กับท่าน

ท่านสามารถจัดกลุ่มเพื่อให้ทางบริษัทจัดทริปส่วนตัวให้กับท่านได้ โดยราคาจะเป็นดังนี้

• กลุ่มขนาด 4 ท่าน พัก 2 ห้องนอน ใช้รถขนาด 9 ที่นั่ง (Mercedes Vito) ราคาท่านละ 239,000 บาท
• กลุ่มขนาด 6 ท่าน พัก 3 ห้องนอน ใช้รถขนาด 9 ที่นั่ง (Mercedes Vito) ราคาท่านละ 219,000 บาท

วันที่ 1 : กรุงเทพ ฯ

• 23.00 น. นัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว Q เคานเ์ตอร์ สายการบินไทย (TG) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้บริการ และอำนวยความสะดวกก่อนขึ้นเครื่อง

วันที่ 2 : กรุงเทพฯ – มิลาน (Milan) – ลา สเปเซีย (La Spezia)

• 02.00 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ สายการบิน Emirates EK 377 ระยะเวลาบิน 7 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารระหว่างการเดินทางจำนวน 2 มื้อ
• 06.00 น. เดินทางถึงดูไบ
• พักเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 45 นาที
• 09.45 น. ออกเดินทางสู่ มิลาน (Milan) สายการบิน Emirates EK 205 ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 35 นาที
• รับประทานอาหารระหว่างการเดินทางจำนวน 2 มื้อ
• 14.30 น. ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมาเพนซ่า (Malpensa International Airport) ประเทศอิตาลี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
• พร้อมแล้วออกเดินทางสู่ เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) (ระยะทาง 157 กิโลเมตร ) เมืองทางตอนเหนือในเขตลิกูเรีย (Liguria) ของอิตาลี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
• ที่พัก โรงแรม Hotel Firenze e Continentale หรือเทียบเท่า*

วันที่ 3 : ลา สเปเซีย (La Spezia) – อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre National Park)

• นั่งรถไฟเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre National Park) เส้นทางที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของเส้นทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีเมืองตั้งอยู่ริมทะเลสาบ คำว่า ซิงเกว เตรเล่(Cinque Terre) ภาษาอิตาเลียนแปลว่า ดินแดนห้าแห่งอันลือชื่อ ซึ่งก็หมายถึง 5 หมู่บ้านสำคัญ ได้แก่ หมู่บ้านมอนเตอรอสโซ่ อัล แมร์ (Monterosso al Mare), หมู่บ้านเวอนันซ่า (Vernazza), หมู่บ้านคอร์นีเลีย (Corniglia), หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) และ หมู่บ้านริโอแมคจิโอรี่ (Riomaggiore)
• นำท่านชม หมู่บ้านริโอแมคจิโอรี่ (Riomaggiore), หมู่บ้านเวอนันซ่า (Vernazza) และ หมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ซึ่งคือ 3 หมู่บ้านที่สวยที่สุดใน 5 หมู่บ้าน  โดย หมู่บ้าน มานาโรล่า (Manarola) ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในห้าหมู่บ้านอาคารสีสันสดใส ที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับลงมาหน้าผา ตัดกับสีของน้ำทะเลที่ท่านจะต้องเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมเมือง ก่อนออกเดินทางกลับสู่ เมือง ลา สเปเซีย(La Spezia)
• ที่พัก โรงแรม Hotel Firenze e Continentale หรือเทียบเท่า*
• *** การเดินทางเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติ ซิงเกว เตรเล่ (Cinque Terre National Park) จะเที่ยวได้ครบทั้ง 5 หมู่บ้านหรือไม่นั้นขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น  สภาพการจราจร ระยะเวลา หรือสภาพร่างกายของคณะทัวร์ เป็นสำคัญ ***

วันที่ 4 : เวนิส (Venice)

• ออกเดินทางสู่ เมืองเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) (ระยะทาง 355 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) มหานครกลางน้ำจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ใช้เรือเป็นยานพหนะหลัก สมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” เวนิสประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายกว่า 118 เกาะ และสะพานมากกว่า 400 แห่ง
• ลงเรือที่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) เพื่อเดินทางสู่ เกาะเวนิส (Venice Island) ล่องเรือสัมผัสบรรยากาศชมวิถีชีวิต อาคารบ้านเรือนริมแม่น้ำ ก่อนจะขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส
• ชม สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sigh) สะพานที่ในอดีตใช้เป็นสะพานนักโทษได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้าย
• ถ่ายรูป บริเวณจัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่เคยมีคำกล่าวของนโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป”
• ชม โบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยลักษณะโดมใหญ่ 5 โดมตามแบบศิลปะไบแซนไทน์
• ที่พัก โรงแรม Hilton Garden Inn Venice Mestre San Giuliano หรือเทียบเท่า*

สะพาน Rialto

วันที่ 5 : เวนิส (Venice) – คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo)

• เดินทางต่อไปยัง เมืองคอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo) (ระยะทาง 157 กิโลเมตร) เมืองสกีรีสอร์ทที่เป็น Best of The Alps เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 1,219 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน For Your Eye Only ที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีอีกทั้งยังเป็นสวรรค์ของนักเดินเขาหรือกิจกรรมนอกสถานที่ต่างๆ
• ที่พัก โรงแรม Boutique Hotel Villa Blu Cortina D’Ampezzo หรือเทียบเท่า*

เมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo)

วันที่ 6 : คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo) – ทะเลสาบมิซูลิน่า (Misurina Lake) – ทะเลสาบเบรียส (Braies)

• อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ (Dolomite Nation Park) อุทยานในเขตเทือกเขาโลเมทเต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาหินปูนที่นี่มีแร่แมกนีเซียมปน ชื่อว่า โดโลไมท์ หรือโดโลเมทเต้ ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษคือกลางวันเราจะมองเห็นเป็นสีเทาอ่อนไปจนถึงสีขาว  แต่เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดินจะสะท้อนสีส้มชมพู  อุทยานนี้สามารถมองเห็นยอดเขาที่สูงกว่า 3,000 เมตรจากรดับน้ำทะเลได้หลายยอด
• เดินทางไปยัง ทะเลสาบมิซูลิน่า (Misurina Lake) (ระยะทาง 172 กิโลเมตร) ทะเลสาบลึกลับที่หลบซ่อนตัวในหุบเขาที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะซึ่งหากสภาพอากาศเป็นใจเราสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของภูเขาจากทะเลสาบเป็นภาพที่สวยงามยิ่งใหญ่เกินบรรยาย
• จากนั้นออกเดินทางไปยัง ทะเลสาบเบรียส (Braies) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies เขตป่าสงวนที่ ใหญ่ที่สุดใจกลางเทือกเขาโดโลไมท์
• ทะเลสาบ Lake Antorno ทะเลสาบเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากทะเลสาบมิซูริน่า เพียง 2 กิโลเมตรที่มีฉากหลังเป็นยอดเขา Tre Cime เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน
• แวะถ่ายรูปกับ ทะเลสาบ Durrensee หนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามในอุทยานโดโลไมต์
• ที่พัก โรงแรม Boutique Hotel Villa Blu Cortina D’Ampezzo หรือเทียบเท่า*

ทะเลสาบเบรียส (Braies)

ทะเลสาบมิซูลิน่า (Misurina Lake)

วันที่ 7 : คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (Cortina D’Ampezzo)

• นำท่านเดิน Hiking ระยะทางไป – กลับประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเพื่อนำท่านเดินไปชมยอดเขา Tre Cime di Lavaredo ( The Three Peaks of Lavaredo) คือสามยอดเขาที่เป็น Iconic ของอุทยานโดโลไมต์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานเเห่งชาติ Tre Cime Naturel Park Tre Cime di Lavaredo จากนั้นให้ท่านเก็บภาพความประทับใจของ ยอดเขา Tre Cime di Lavaredo ตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินกลับทางเส้นทางเดิม
• *** หมายเหตุ : ท่านที่จะเดิน Hiking ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภพร่างกายแข็งแรง สามารถเดินได้สะดวกเท่านั้น ท่านที่ไม่ประสงค์จะไปเดิน hiking หรือไม่สะดวกที่จะไปเดิน ให้ท่านพักผ่อนอยู่โรงแรมที่พักเมืองคอร์ติน่า โดยเมืองคอร์ติน่ามีสินค้าหลากหลายทั้งแบรนด์ชื่อดังและสินค้าพื้นเมือง ให้ท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย ***
• จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองคอร์ติน่า
• รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
• นำท่านเดินทางสู่เส้นทาง Passo di Giau เพื่อนำท่านถ่ายรูปกับ Ra Gusela ภูเขารูปทรงพีระมิด เหนือทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย (ระยะทาง 40 กม.ใช้เวลา 45 นาที ) Passo Giau in moto sui migliori passi delle Dolomiti | Moto Excape
• จากนั้นนำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย เดินชมเมืองคอร์ติน่า
• รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
• ที่พัก โรงแรม Boutique Hotel Villa Blu Cortina D’Ampezzo หรือเทียบเท่า*

Tre Cime di Lavaredo ( The Three Peaks of Lavaredo)

วันที่ 8 : ออร์ติเซ่ (Ortisei)

• ออกเดินทางสู่ เมืองออร์ติเซ่ (Ortisei) (ระยะทาง 65 กิโลเมตร) ผ่าน Great Dolomite Road ถนนที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง ผ่านแนวหุบเขา หน้าผา และเหวที่ทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาโดโลไมท์
• ระว่างทางผ่าน Posso Falzarego และ Passo Gardena ที่มีภูเขาหินตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง แวะถ่ายรูปกับถนนคดเคี้ยว
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในอุทยานโดโลไมต์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉาหหลังเป็นเทือกเขา Odles (การเดินขึ้นไปเก็บภาพความประทับใจนี้ ท่านจะต้องเดินขึ้นเนินประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อไปเก็บภาพ)
• นำท่านถ่ายรุปกับโบสถ์ St.Johann โบสถ์เล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยต้นสนและ ยอดเขาแหลมของเทือกเขาโดโลไมต์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในโดโลไมต์ที่ถูกถ่ายภาพเป็นอันดับต้นๆ เลยที่เดียว The Church of St. Johann in Ranui, Italy
• นำท่านเดินทางเข้าสู่เมือง ออร์ติเซ่ (Ortisei) เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมท์ เป็นเมืองรีสอร์ทเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Dolomites Val Gardena โดยมีเทือกเขาต่างๆอยู่รายล้อม เช่น Seceda, Resciesa, Alpe di Siusi, Monte Piz และ Col de Mesdí ฯลฯ ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดโลไมท์ในด้านตะวันตก จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี
• นำท่านเดินย่านใจกลางเมืองที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงเเรมต่างๆตั้งอยู่ อาคารเเต่ละหลังต่างมีเอกลักษณ์และตกเเต่งได้อย่างน่ารัก สวยงาม เป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก
• ให้ท่านชมโบสถ์ Saint Ulrich ตั้งอยู่ทิศเหนือของเมือง สถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนสซองซ์และประติมากรรมบาโรกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
• รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
• ที่พัก โรงแรม Hotel Hell หรือเทียบเท่า

โบถส์ San Giacomo, Ortisei / credit mendhak

วันที่ 9 : ออร์ติเซ่ (Ortisei)

• เช้า นั่งกระเช้า Ortisei – Alpe di Siusi ขึ้นสู่บนเนินเขาที่เรียกว่า Alpe Di Siusi นำท่านชมวิวทิวทัศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาด มหัสจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน
• หมายเหตุ : การนั่งกระเช้า หากสภาพอากาศไม่อำนวยหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัย
• บ่าย นั่งกระเช้า Seceda Cableways AG – Ortisei ชมยอดเขา Seceda โดยความพิเศษของยอดเขาคือ มีลักษณะ ลักษณะคล้ายเปลวเพลิงที่เป็นหิน จนนักท่องเที่ยวต่างให้เรียกขานกันว่า Flame frozen in stone Summer
• หมายเหตุ : การนั่งกระเช้า หากสภาพอากาศหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน หรือหากยังไม่เปิ
• ถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจจากนั้นนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง Seceda (2500m), Dolomites, Italy
• รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
• ที่พัก โรงแรม Hotel Hell หรือเทียบเท่า

ยอดเขา Seceda

วันที่ 10 : ออร์ติเซ่ (Ortisei) – โบลซาโน่ (Bolzano) – ซีรมิโอเน่ (Sirmione) – มิลาน (Milan)

• เดินทางไปยัง เมืองโบลซาโน่ (Bolzano) เมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ เนินเขา ทุ่งหญ้า ไร่องุ่นโดยมีเทือกเขา โดโลไมท์ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง
• ผ่าน หมู่บ้าน วาล ดิ ฟุเน่ (Val di Funes) แวะถ่ายภาพจุดชมวิว Santa Maddalena ที่สวยงาม ภาพโบสถ์สีขาวตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวมีภุเขาและภูเขาหิมะเป็นฉากหลังตัดกับสีของท้องฟ้า
• เดินทางต่อสู่ เมืองซีรมิโอเน่ (Sirmione) (ระยะทาง 156 กิโลเมตร) ชมเมืองบรรยากาศอาคารยุคเก่าที่ผสมผสานความทันสมัยด้วยการมีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมแต่งเติมให้เมืองแห่งนี้ดูคึกคักมากขึ้น ไม่พลาดที่จะชิมไอศกรีมเจลาโต ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่ามีรสชาติให้เลือกลิ้มลองมากที่สุดในประเทศอิตาลีเลยที่เดียว
• จากนั้นเดินทางต่อไปยัง มิลาน (Milan) (ระยะทาง 136 กิโลเมตร) เมืองใหญ่อันดับสองของอิตาลี
• ชมวิหารดูโอโม (Duomo) สัญลักษณ์สำคัญของเมืองโบราณสถานที่ไม่ถูกทำลายในช่วงสงคราม บริเวณด้านหน้ามีรูปปั้นของ พระเจ้าวิคเตอริโอเอมมานูเอลที่ 2(Vittorio Emanuele II Monument) ขณะทรงม้า  ภายในวิหารประดับด้วยกระจกสีต่างๆสวยงาม อีกทั้งเป็นที่เก็บหมุดที่ใช้ตรึงพระเยซู ซึ่งทุกเดือนกันยายนจะเปิดให้ประชาชนได้ชมหมุดนี้ได้ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
• อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ย่าน แกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมมานูเอลที่ 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) ย่านช้อปปิ้งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 12 ปี โครงสร้างอาคารที่สร้างจากเหล็ก ตกแต่งด้วยโมเสกรูปทวีปและผลงานภาพจากศิลปินต่างๆ
• **อิสระท่านรับประทานอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย **
• ที่พัก โรงแรม Sheraton Milan Malpensa Airport Hotel & Conference Centre หรือเทียบเท่า*

หมู่บ้าน วาล ดิ ฟุเน่ (Val di Funes) / Credit Luis Ascenso

วันที่ 11 : มิลาน (Milan)

• เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติมาเพนซ่า (Malpensa International Airport) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร)
• 14.05 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ สายการบิน Emirate EK 206 ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 5 นาที
• รับประทานอาหารระหว่างเดินทางจำนวน 2 มื้อ
• 22.10 น. เดินทางถึง ดูไบ
• พักเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง 35 นาที

วันที่ 12 : กรุงเทพฯ

• 03.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ สายการบิน Emirate EK 376 ระยะเวลาบิน 6 ชั่วโมง 40 นาที
• รับประทานอาหารระหว่างเดินทางจำนวน 2 มื้อ
• 13.25 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ(Suvarnabhumi International Airport) กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง