กาลาปากอส – เอกวาดอร์ – โคลัมเบีย

วันที่ 1 :  กรุงเทพ – อัมสเตอดัม (Amsterdam) 

• 08.30 น. นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาท์เตอร์สายการบิน KLM
• 12.05 น. เดินทางออกจากประเทศไทย โดยสายการบิน KLM  เที่ยวบิน KL0876 (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 30 นาที)
• 18.45 น. เดินทางถึง สนามบินสกิบโฮล (Schiphol International Airport) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั้นนาท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• ที่พัก โรงแรม Mercure Schiphol Terminal โรงแรมตั้งอยู่ใน transit hall และท่านจำเป็นต้องทำ transit visa ของประเทศเนเธอร์แลนด์มาด้วย

วันที่ 2 : อัมสเตอดัม (Amsterdam) – กีโต (Quito) 

• 10.00 น. ออกเดินทางสู่ประเทศเอกวาดอร์ โดยสายการบิน KLM Royal Dutch Airlines เที่ยวบินที่ KL0755 (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 40 นาที)
• 14.40 น. เดินทางถึง สนามบิน Mariscal Sucre International Airport เมืองกีโต ประเทศเอกวาดอร์ นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง
• เมือกีโต (Quito) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ซานฟรันซิสโก เด กีโต (San Francisco de Quito) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส มีความสูง 2,850 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้เมืองกีโตเป็นเมืองหลวงที่สูงเป็นอันดับสองของโลก (อันดับหนึ่งคือ กรุงลาปาซแห่งโบลิเวีย) ปัจจุบันกีโต้ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมโดยเฉพาะสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่พบเห็นได้ทั่วไปในเขตเมืองเก่า
  • ชม จัตุรัสอิสรภาพ (Independence Square) หรือ Plaza Grande ที่จัตุรัสมีอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Royal Audience of Quito คณะผู้เรียกร้องเอกราชจากอาณานิคมสเปนเป็นครั้งแรกในปี 1809
  • ชม อาคารรัฐสภา (Presidential Palace)
  • ชม โบสถ์ประจำเมือง (The Cathedral of Quito) เป็นโบสถ์ที่มีอายุมากกว่า 500 ปี เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของทวีปอเมริกาใต้ เริ่มก่อสร้างภายหลังจากที่ชนชาติสเปนได้เข้ามายึดครอง
• ที่พัก โรงแรม Vista del Angel Hotel Boutique

บรรยากาศของเครื่องบินผ่านเทือกเขาแอนดิสก่อนจะแลนดิ้ง

จัตุรัสซานฟรานซิสโกในเมืองเก่ากีโต (Plaza de San Francisco)

วันที่ 3 : กีโต (Quito) – หมู่เกาะกาลาปากอส (Galápagos) – เกาะซานตาครูซ (Santa Cruz Island)

• 05.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินสนามบินกีโต (Mariscal Sucre International Airport)
• 06.55 น. ออกเดินทางสู่หมู่เกาะกาลาปากอส (Galápagos) โดยสายการบิน Avianca Airlines เที่ยวบิน AV1632 (ระยะเวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง)
• 09.20 น. เดินทางถึงสนามบินเซมัวร์ (Seymour Airport) เกาะบาลตรา (Baltra Island) แห่งหมู่เกาะกาลาปากอส (Galápagos)
• หมู่เกาะกาลาปากอส (Galápagos Islands) มีชี่อเสียงในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ มีการค้นพบสัตว์สายพันธุ์แปลกใหม่ รวมทั้งพืชพันธุ์หายากต่างๆ ที่สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก หมู่เกาะกาลาปากอสตั้งอยู่ห่างจากประเทศเอกวาดอร์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1,000 กิโลเมตร หมู่เกาะกาลาปากอส (Galápagos Islands) ประกอบด้วย 13 เกาะหลัก  6 เกาะเล็ก และ แก่งหินอีกมากมาย
• นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือบาลตรา (Baltra) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ เกาะซานตา ครูซ (Santa Cruz)
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• เกาะซานตา ครูซ (Santa Cruz Island) เกาะใหญ่อันดับ 2 ของกาลาปากอส มีเมืองใหญ่ที่สุดคือ ปัวเอร์โต อาโยรา (Puerto Ayora) 
  • สำนักงานอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส (Parque Nacional Galápagos) มีหน้าที่ในการสอดส่องและดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกาลาปากอส
  • สถาบันวิจัยชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin Research Station) ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่ายักษ์กาลาปากอส ซึ่งมีอายุยืนยาว 150-200 ปี นำท่านไปเยี่ยม จอร์จ (George) ผู้เฒ่าเต่าที่อายุยืนที่สุดของศูนย์นี้ และชมนกอีกนานาชนิด
• หลังจากนั้นให้ท่านได้มีโอกาสเดินเล่นในเมือง ปัวเอร์โต อาโยรา (Puerto Ayora) ก่อนที่จะกลับขึ้นเรือ
• ชม แท่งเสาลาวา (Lava Tubes) อุโมงค์ลาวา (Lava Tunnel) ซึ่งเกิดจากเถ้าหินภูเขาไฟและการปะทุของภูเขาไฟ บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของปากปล่องภูเขาไฟ (Crater) และยังเป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายสายพันธุ์แห่งหมู่เกาะกาลาปากอส
• ทำการเช็คอินขึ้น เรือสำราญ “Galapagos Coral” เป็นเรือสำราญที่จะใช้ในการเดินทางตลอด 8 วัน 7 คืน นับจากนี้ โดยจะเริ่มเดินทางในเขตหมู่เกาะด้านทิศเหนือ และทิศตะวันตก ที่เป็นเขตหมู่เกาะเกิดใหม่จากภูเขาไฟที่พึ่งดับ
• ที่พัก เรือสำราญ Galapagos Coral

Galapagos Coral

วันที่ 4 : เกาะซานตาครูซ (Santa Cruz Island) – เกาะบาโทโลมิว (Bartolome Island)

• ล่องเรือขึ้นไปยังทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะซานตา ครูซสู่ ภูเขามังกร (Dragon Hill) ภูเขามังกร ถูกตั้งเป็นชื่อนี้เนื่องจากเกาะแห่งนี้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยหลักของ อีกัวน่าบก (Conolophus Subcristatus) ที่อยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ออกหากินผลไม้และใบไม้ และชอบอาบแดดอยู่บนก้อนหินริมทะเล นอกจากอีกัวน่าบกแล้วเราจะมีโอกาสได้เห็น Mockingbirds, Darwin’s finches, Yellow Warblers และ Galapagos Doves โดยเราจะใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 2 ชั่วโมง
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• หลังจากนั้นล่องเรือข้ามไปยัง เกาะบาโทโลมิว (Bartolome Island) ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เกาะแห่งนี้เกาะเล็กๆที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะซานติอาโก้ (Santiago Island) เกาะนี้มีภูมิประเทศที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ มีร่องลอยจากแมคมาแทยทุกพื้นที่ จนเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์
• นำท่านเดินเทรคขึ้นสู่จุดชมวิวของยอดเขา (ระยะขั้นบันได 372 ขั้น) ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่เกาะกาลาปากอสได้ทั้งหมด ระหว่างทางอาจจจะพบสัตว์หลายเช่น อีกัวน่าทะเล กิ้งกาลาวา เต่า หลังจากนั้นท่านสามารถเลือกที่จะดำน้ำที่เกาะบาโทโลมิว (Bartolome Island) ท่านอาจจะได้พบกับเต่าทะเล หรือ Reef Shark จะใช้เวลาในการเดินประมาณ 2 ชั่วโมง และดำน้ำตื้น 1 ชั่วโมง
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

อิกัวนากาลาปากอส(Galapagos Marine Iguana)

วันที่ 5 : เกาะลาบิดา (Rábida Island) – เกาะซานติอาโก้ (Santiago Island)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• เกาะราบิดา (Rábida Island) ลงเรือเล็กสู่เกาะมีหาดทรายสีแดงเนื่องจากทรายมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กจำนวนมากและได้เกิดปฎิกิริยาอย่างรวดเร็ว เกาะราบิดาเป็นเกาะศูนย์กลางของหมู่เกาะกาลาปากอส เนื่องจากมีส่วนผสมทางธรณีวิทยาทั้งของฝั่งตะวันตกและตะวันออกอยู่ด้วยกัน บนเกาะแห่งนี้สามารถพบกับนกเพลิแกน นกฟินซ์ และสัตว์อื่นๆ หลังจากนั้นมีเวลาให้ท่านได้ดำน้ำดูสัตว์ต่างๆใต้ผืนน้ำ
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• หลังจากนั้นล่องเรือข้ามไปยัง เกาะซานติอาโก้ (Santiago Island) จะพบกับ หน้าผาบุคคาเนียร์ (Buccaneer Cove) หน้าผาที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงสิงโตทะเลกลุ่มใหญ่ เดินลงสู่หาดเอสปูมิยา (Espumilla) จะพบเจอกับหาดทรายสีขาว และทะเลสาบที่เต็มไปด้วยนกฟลามิงโก หลังจากมีเวลาให้ท่านดำน้ำเพื่อชมฝูงกระเบนทะเล
• เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

Marine Iguana

วันที่ 6 : ฺเกาะซานตา ครูซ (Santa Cruz Island) – ไฮแลนด์ ศูนย์อนุรักษ์เต่า (Highlands Tortoise Reserve)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• อ่าวเต่าดำ (Black Turtle Cove) นำลงเรือยางเล็กมุ่งหน้าไปยังอ่าวทางด้านเหนือของเกาะซานตา ครูซ ที่นี่เป็นเขตป่าชายเลน สามารถเดินทางได้เฉพาะทางน้ำเท่านั้น ด้านในเป็นทะเลสาบที่สามารถพบเห็นเต่าตะเลเข้ามาหาอาหารในบริเวณนี้ นอกจากเต่าแล้วยังมีนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ๆปลอดภัยที่สุดสำหรับเต่าทะเล ใช้เวลาทำกิจกรรมนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ไฮแลนด์ ศูนย์อนุรักษ์เต่า (Highlands Tortoise Reserve) นำท่านกลับมาที่เกาะอีกครั้งเพื่อไปยังพื้นที่ราบสูงกลางเกาะซานตา ครูซ ที่นี่เป็นพื้นที่ป่าดิบชื้นปกคลุมรอบปล่องภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และสตว์ท้องถิ่นต่างๆของกาลาปากอส นำท่าสัมผัสดับบรรยากาศของระบบนิเวศวิทยาที่แตกต่างออกไป และอาจจะได้พบเจอ เต่ายักษ์กาลาปากอส รหว่างการเดินสำรวจ
• เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

วันที่ 7 : เกาะอิซาเบลล่า (Isabella Island) – เกาะเฟอร์นานดิน่า (Fernandina Island)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ปุนตา บิเซนต์เต โรคา (Punta Vincente Roca) หนึ่งในจุดดำน้ำตื้นที่ดีที่สุด ของเกาะอิซาเบลล่า (Isabella Island)ใต้ผืนน้ำอุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิดที่มีมากที่สุดในโลก ที่อยู่ระหว่างช่องแคบโบลิวาร์ (Bolivar Channel)  นำท่านลงเรือเล็กออกไปยังจุดลงน้ำ ที่นี่จะได้พบกับ กิ้งก่าน้ำ ปลาฉลามหลายชนิด เพนกวินกาลาปากอส และสัตว์อื่นๆ ใช้เวลากิจกรรมนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ปุนตา เอสปิโนซา (Punta Espinosa) แห่งเกาะเฟอร์นานดิน่า (Fernandina Island) เกาะที่มีอายุน้อยที่สุดแห่งหมู่เกาะกาลาปากอส สามารถมองกลับไปเห็นเกาะอิซาเบลล่าและช่องแคบโบลิวาร์ได้ นำท่านลงเรือมายังเกาะแห่งนี้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดของหมู่เกาะกาลาปากอส โดยมีอิกัวนาทะเลเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ ด้วยปริมาณที่มีอยู่อย่างล้นหลาม และยังมีเหยี่ยวกาลาปากอส (Galapagos Hawk) ที่อยู่บนเกาะเฟอร์นานดิน่า
• เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

นกฟริเกต (Frigate bird)

กิ้งก่าทะเล (Marine Iguana)

วันที่ 8 : เกาะอิซเบลล่า (Isabella Island)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• นำท่านลงเรือเล็กสู่อ่าวอูร์บิน่า (Urbina Bay) เป็นอ่าวที่เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลก อ่าวแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ในบริเวณ ภูเขาไฟอัลเซโต (Alcedo Volcano) และเป็นที่อยู่อาศัยของอิกัวน่าบกและเต่ายักษ์กาลาปากอส ให้ท่านได้ลงดำน้ำยังอ่าวแห่งนี้ ท่านจะได้ดำน้ำกับเต่าทะเล และสิงโตทะเลด้วย
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• อ่าวทากุส (Tagus Cove) เป็นหน้าผาที่เว้าที่ถูกค้นพบโดยโจรสลัดที่มักใช้เป็นที่หลบลมพายุ นำท่านลงจากเรือแล้วเดินเท้าสู่เนินที่สามารถชมและเก็บภาพอ่าวทากุส ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟที่ดับ
• นำท่านนั่งเรือเล็กกลับไปยังเรือใหญ่ ระหว่างทางเราจะพบกับสัตว์น้ำเช่น เพนกวินกาลาปากอส นกบูบี้หลายชนิดโผล่จากน้ำมาทักทาย
• เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

วันที่ 9 : เกาะซานติอาโก้ (Santiago Island)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ปัวเอร์โต เอกัส (Puerto Egas) หรือ หาดสีดำ (Volcano Black Beach) ซึ่งเกิดจากการสะสมของเขม่าภูเขาไฟ และอีกส่วนเป็นหินบะซอลต์ จึงทำให้หาดทรายแห่งนี้มีความแตกต่าง ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสิงโตทะเล (Sea lion) และนกหลากหลายสายพันธุ์ อาทิเช่น นกเพลิแกน
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• อ่าวซูลิแวน (Sullivan Bay) ซึ่งเป็นอ่าวที่เกิดจากหลอมตัวของลาวากลายเป็นแผ่นดินรูปร่างประหลาดที่เรียกว่า พาโฮเอโฮ (Pahoehoe) รวมถึงพื้นที่หาดสีดำอันเกิดจากลาวาซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ท่านจะพบกับประสมการณ์การเดินบนพื้นลาวา
• เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• ที่พัก เรือสำราญ “Galapagos Coral”

เกาะ San Cristóbal

วันที่ 10 : เกาะซานตาครูซ (Santa Cruz Island)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• หาดบาชาสซ์ (Bachas Beach) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกาได้เรือทิ้งเรือรบ (ฺBarge) ไว้ที่กลางทะเล และได้ถูกพัดมาเกยตื้นที่หาดเรียกว่า แต่ชาวบ้านไม่สามารถออกเสียงเรียกได้ ชื่อก็ดลยเพี้ยนมาเป็น Bachas หาดแห่งนี่เป็นอีกจุดหนึ่งของเกาะซานตา ครูซที่มีสัตว์หลากหลายชนิด เช่น ที่อยู่ของอิกัวน่าทะเล และ นกฟลาเมิงโก้ และยังเป็นอ่าวที่วางไข่ของเต่าทะเล
• เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
• 11.00 น. นำท่านเดินทางจากเรือสำราญ สู่สนามบินเซมัวร์ (Seymour Airport) เกาะบาลตรา (Baltra Island)
• 13.20 น. ออกเดินทางจากสนามบินเซมัวร์ (Seymour Airport) เกาะบาลตรา (Baltra Island) แห่งหมู่เกาะกาลาปากอสกลับสู่เมืองกีโต โดยสายการบิน Avianca Airlines เที่ยวบิน AV1631 (ระยะเวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง)
• 17.45 น. เดินทางถึง สนามบิน Mariscal Sucre International Airport เมืองกีโต้ ประเทศเอกวาดอร์ จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เขตเมืองเก่า
• ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
• ที่พัก โรงแรม Vista del Angel Hotel Boutique

กรุงกีโต (Quito) เมืองหลวงประเทศเอกวาดอร์

วันที่ 11 : กีโต (Quito) – อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟโคโตปาร์คซี (Cotopaxi National Park)

• เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
• ออกเดินทางออกนอกเมืองกีโต้ สู่  อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟโคโตปาร์คซี (Cotopaxi National Park) ซึ่งภูเขาไฟโคโตปาร์คซี (Cotopaxi) เป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลัง บนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ด้วยความสูงถึง 5,897 เมตร ทำให้ยอดเขาสามารถมองเห็นได้จากเมืองกีโต้ ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ๆสูงที่สุดของโลก โดยมีระยะทางจากเมืองกีโต 50 กิโลเมตร
• นำท่าน ขี่ม้าชมเขตอุทยานรอบภูเขาไฟโคโตปาร์คซี (Cotopaxi Horse Riding) ที่มีทิวทัศน์ที่ตระการตาอย่างมาก ท่านจะได้พบทะเลสาบรอบปล่องภูเขาไฟ ภาพสะท้อนภูเขาไฟที่อยู่บนผืนรอบ กลุ่มเมฆโดมที่ลอยตัวปกคลุมยอดเขา รวมถึงพืชพรรณธรรมชาติที่เขียวขจีรอบภูเขา เราจะใช้เวลาขี่ม้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเดินทางกลับเมืองกีโต้
• เดินทางกลับมาถึงกีโต้ พาท่านไปยัง สถานีกระเช้า Teleféri Qo เพื่อนำท่านขึ้นกระเช้าสู่จุดชมวิวเมืองกีโต้ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของภูเขาไฟปิชินชา (Pichincha Volcano) ทีนี่เป็นหนึ่งในกระเช้าที่อยู่ที่สูงที่สุดของโลก จุดชมวิวตั้งอยู่ที่ความสูง 3,945 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถ้าฟ้าใสท่านจะสามารถมองเห็นเมืองหลวงกีโต้ทั้งเมืองรวมถึงภูเขาไฟโคโตแพคซีที่อยู่เบื้องหลังตั้งตระหง่านได้อย่างอลังการ
• ที่พัก โรงแรม Vista del Angel Hotel Boutique

เมืองเก่ากีโต้ (Old Quito)

อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟโคโตแพคซี (Cotopaxi National Park)

วันที่ 12 : กีโต้ (Quito) – โบโกต้า (Bogota)

• 06.00 น. เดินทางสู่ สนามบิน Mariscal Sucre International Airport
• 07.30 น. เดินทางถึง สนามบินเอลโดราโด (El Dorado International Airport) กรุงโบโกตา เมืองหลวงของประเทศโคลัมเบีย นำท่านเที่ยวชมในเขตกรุงโบโกตา (Bogota)
• จัตุรัสโบลิวาร์ (Plaza Bolívar) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองและยังเป็นที่ตั้งอนุเสาวรีย์ของ ไซมอน โบลิวาร์ (Simón Bolívar) ผู้นำแห่งการเคลื่อนไหวให้ประเทศในเขตอเมริกาใต้ปลดแอกตนเองจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จักรวรรดิสเปน (Spanish Empire) บริเวณจตุรัสแห่งนี้ทั้ง 4 ทิศประกอบด้วยสถานสำคัญ 4 แห่งที่ตั้งอยู่ในแต่ละทิศ
  • ทิศเหนือ พระราชวังแห่งความยุติธรรม (Palace of Justice) อาคารที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมของประเทศ
  • ทิศตะวันออก วิหารแห่งโบโกตา (Primary Cathedral of Bogota) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างในศตวรรษที่ 17 และยังคงความงามจนปัจจุบัน
  • ทิศใต้ อาคารที่ทำการของรัฐบาล (National Capitol)
  • ทิศตะวันออก พระราชวัง Liévano Palace
• พิพิธภัณฑ์ทองคำ (Museum of Gold) พิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และ วัสดุอื่นๆจากทองคำ มีชิ้นงานล้ำค่าจัดแสดงกว่าห้าหมื่นชิ้น
• ย่านแคนเดอลาเรีย (La Candelaria) ย่านประวัติศาสตร์อันเก่าแก่แห่งกรุงโบโกตา ที่ซึ่งมีการรักษาและบูรณะอาคารและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่นับร้อยปี
• ที่พัก โรงแรม Embassy Suites by Hilton Bogotá Rosales

Bogota, Columbia

วันที่ 13 : โบโกต้า (Bogota)

• ไร่กาแฟโคลอมเบีย (Colombia Coffee Plantation) ชมไร่กาแฟและกรรมวิธีการผลิตกาแฟของประเทศโคลอมเบีย ระหว่างทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพ ภูมิประเทศที่มีทิวทัศน์และธรรมชาติแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่ทอดแนวยาวสลับ ซับซ้อน ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟโคลอมเบีย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส่งออกเป็นอันดับสามของโลกโดยเฉพาะกาแฟอาราบิก้า
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมเบีย (Colombian National Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโคลอมเบีย สร้างในปี ค.ศ. 1823 ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองในประเทศโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงมัมมี่โคลัมเบียนด้วย (Colombian Mummy)
• ขึ้น เคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขามองเซอร์รัต (Monserrate) เป็นยอดเขาที่มีความสูงอย่างมากกว่า 3,152 เมตรตั้งอยู่ใจกรุงโบโกต้า เป็นหนึ่งในเเลนด์มาร์คที่สำคัญของโคลอมเบีย  ด้านบนมีโบสถ์มองเซอร์รัต (Sanctuary of Monserrate) ที่สามารถชมความสวยงามของเมืองหลวงได้จากทุกทิศทาง
• ที่พัก โรงแรม Embassy Suites by Hilton Bogotá Rosales

Bogota, Columbia

วันที่ 14 : โบโกต้า (Bogota) – คาร์ตาเฮนา (Cartagena)

• 07.30 น. เดินทางถึง สนามบินเอลโดราโด (El Dorado International Airport)
• 10.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองคาร์ตาเฮนา (Cartagena) โดยสายการบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
• 11.47 น. เดินทางถึง สนามบินคาร์ตาเฮนา (Rafael Núñez International Airport)
• คาร์ตาเฮนา (Cartagena) หรือในชื่อเดิมคือ คาร์ตาเฮนา เด อินเดียส (Cartagena de Indias) เมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1533 ตั้งอยู่ทางภาคเหนือริมชายฝั่งทะเลแคริบเบียนของโคลัมเบีย โดยกัปตันเรือชาวสเปน เปโดร เด เอเรเดีย (Pedro de Heredia) และได้ตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ตามชื่อเมืองคาร์ตาเฮนา ในประเทศสเปนที่ๆเขาเคยพักอาศัยอยู่ คาร์ตาเฮนา (Cartagena) จัดเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของทวีปอเมริกาใต้มีหลักฐานว่ามีผู้คนอาศัยมามากกว่า 4,000 ปีก่อนคริสตศักราช ล่าสุดในปี ค.ศ. 1984 เมืองคาร์ตาเฮนาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO
• เดินทางเข้าสู่ เมืองเก่าที่อยู่ในกำแพง (Walled city) ที่สร้างขึ้นโอบล้อมรอบเมืองเพื่อป้องกันการรุกรานจากกลุ่มโจรสลัดในอดีตเนื่องจากเมืองคาร์ตาเฮนาเป็นเมืองท่าที่สำคัญของทวีปอเมริกาในขณะนั้น เพราะสเปนต้องใช้เมืองนี้เพื่อเป็นฐานในการนำส่งทรัพย์สมบัติส่งกลับไปยังสเปนแผ่นดินใหญ่
• สถานที่แห่งการไต่สวน (Palacio de la Inquisición) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ในยุคอาณานิคมสเปนใช้เป็นสถานที่ไต่สวน คุมขังและทรมานพวกต่อต้านศาสนาคริสต์ในช่วงนั้น
• โบสถ์แห่งเซ็นต์ปีเตอร์ (Church of St. Peter Claver) โบสถ์อีกแห่งที่สำคัญของเมือง จากชั้นบนของโบสถ์จะเป็นจุดชมวิวเมืองคาร์ตาเฮนาในเขตเมืองใหม่ได้อย่างสวยงาม
• ชมบรรยากาศยามเย็น ณ ชายหาดโบกาเกรนเด (Bocagrande) ชายหาดที่เป็นเขตเมืองใหม่เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรู ภัตตาคาร บาร์ ที่ตั้งเป้าหมายให้เป็นสถานที่พักผ่อนในแบบทันสมัยให้คนเมืองแห่งนี้
• ที่พัก โรงแรม Casa Claver Loft Boutique Hotel

Cartagena

วันที่ 15 : คาร์ตาเฮนา (Cartagena)

• โบสถ์ซานเปโดรกลาเบร์ (Iglesia de San Pedro Claver) ซึ่งสร้างโดยคณะสงฆ์เยซูอิท (Jesuit) ระหว่างปี ค.ศ.1580 ถึง ปี ค.ศ.1654 ถือเป็นจตุรัสที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองคาร์ตาเฮนา
• มหาวิทยาลัยคาร์ตาเฮนา (Universidad de Cartagena Claustro de la Merced) ที่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ในสมัยอาณานิคมโดยชาวสเปนเพื่อสร้างสถานศึกษาในภูมิภาคแคริบเบียนและได้เลือกเมืองคาร์ตาเฮนาเป็นที่ตั้ง
• มหาวิหารแห่งเมืองคาร์ตาเฮนา (Cartagena Cathedral) เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดของเมืองคาร์ตาเฮนา
• ปราสาทซานฟิลิป เดอ บาราจาส (Castillo de San Felipe de Barajas)
• หอนาฬิกา Torre de Reloj สัญลักษณ์ของเมืองคาร์ตาเฮนาที่ตั้งอยู่บนประตูหินที่เป็นเขตทางเข้าเมืองเก่า
• ย่าน Getsemaní ในอดีตเป็นย่านผู้ใช้แรงงาน แต่ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นย่านแห่งสีสันยามราตรีอาคารของย่านนี้ดูเก่าแต่คงไว้ซึ่งความสวยงามตามศิลปะแบบโคโลเนียลสเปน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองในแถบทะเลแคริบเบี้ยนของราชอาณาจักรสเปน ชมความสวยงามและสีสรรของบ้านเรือนหลากสีที่สะท้อนให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของเมือง
• อนุเสาวรีย์กาตาลินา (La India Catalina) ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองคาร์ตาเฮนาที่ถูกชาวสเปนลักพาตัวไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กจนเธอสามารถพูดภาษาสเปนได้และกลายมาเป็นล่ามที่ช่วยสื่อสารระหว่างคนพื้นเมืองและนักล่าอาณานิคมในยุคถัดมา
• จากนั้นนำท่านชม ลาสโบเบดาส (Las Bóvedas) เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองที่มีเสาโค้งและห้องต่างๆ ในอดีตห้องต่างๆเหล่านี้เคยเป็นคุกแต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายของที่ระลึก ให้ท่านได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าก่อนจะเดินทางไปสนามบิน
• 16.00 น. เดินทางสู่ สนามบินคาร์ตาเฮนา (Rafael Núñez International Airport)
• 18.55 น. เดินทางสู่ สนามบินสกิบโฮล (Schiphol) เมืองอัมเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยสายการบิน KLM เที่ยวบิน KL 741 (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 30 นาที)

Cartagena

วันที่ 16 : คาร์ตาเฮนา (Cartagena) – อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)

• 10.30 น. เดินทางถึง สนามบินสกิบโฮล (Schiphol) เมืองอัมเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์
• พักเปลี่ยนเครื่อง 7 ชั่วโมง ท่านสามารถเดินทางเข้าสู่เมืองอัมเตอร์ดัม (Amsterdam) เพื่อไปเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย
• 17.50 น. เดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน KLM เที่ยวบิน KL 875 (ระยะเวลาบิน 10 ชั่วโมง)

วันที่ 17 : กรุงเทพมหานคร

• 09.50น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ