ในโลกนี้มีสถานที่หลายแห่งที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องทึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ แต่หนึ่งในสถานที่ที่สร้างความงดงามและลวงตาให้ผู้ชมตะลึงที่สุดคือ Sørvágsvatn หรือที่รู้จักในชื่อ Leitisvatn บนหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ปรากฏการณ์ที่ทำให้ทะเลสาบนี้โดดเด่นไม่เหมือนใครคือภาพลวงตาที่ดูเหมือนว่าทะเลสาบกำลังลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นภาพที่ดูสวยงามราวกับฉากจากเทพนิยายและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือน
Sørvágsvatn คืออะไร?
Sørvágsvatn เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะแฟโร ตั้งอยู่บนเกาะวาการ์ (Vágar) ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะแฟโร ทะเลสาบนี้มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตรและครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่บริเวณที่สูงเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้เกิดภาพลวงตาที่ดูเหมือนทะเลสาบกำลังลอยอยู่เหนือมหาสมุทร และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเยี่ยมชมวิวที่สวยงามและน่าทึ่ง
ทะเลสาบ Sørvágsvatn เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญสำหรับเกาะวาการ์และหมู่บ้านใกล้เคียง โดยมีแม่น้ำและลำธารหลายสายที่ไหลเข้าสู่ทะเลสาบ ซึ่งท้ายที่สุดน้ำทั้งหมดจะไหลออกไปทางน้ำตก Bøsdalafossur ลงสู่มหาสมุทร การไหลของน้ำนี้สร้างความงดงามทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของทะเลสาบและภูมิทัศน์รอบ ๆ
ชื่อของทะเลสาบนี้ Sørvágsvatn มาจากชื่อหมู่บ้าน Sørvágur ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบทางด้านตะวันตก นอกจากนี้ ทะเลสาบยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ Leitisvatn ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “Leiti” ในภาษานอร์สโบราณ หมายถึงที่ดินลุ่มน้ำต่ำ ๆ ที่อยู่ติดทะเล ทำให้ชื่อของทะเลสาบนี้มีความหมายที่สอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศ
ความสำคัญของ Sørvágsvatn ไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม แต่ยังเป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้ในการเกษตรและเป็นแหล่งประมงที่สำคัญตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ทะเลสาบนี้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางที่มาค้นหาประสบการณ์ธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร
ภาพลวงตาธรรมชาติที่สะกดทุกสายตา
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน Sørvágsvatn คือภาพลวงตาทางธรรมชาติที่ดูเหมือนทะเลสาบกำลังลอยอยู่เหนือมหาสมุทร เมื่อมองจากมุมสูงที่หน้าผา Trælanípa ทะเลสาบ Sørvágsvatn จะปรากฏเหมือนว่ามันลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติกด้านล่าง แม้ว่าความจริงแล้ว ทะเลสาบและมหาสมุทรจะมีความต่างระดับเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น
ภาพลวงตานี้เกิดจากการจัดวางของภูมิประเทศและมุมมองที่เฉพาะเจาะจง เมื่อมองจากจุดชมวิว Trælanípa ซึ่งอยู่สูงกว่า 100 เมตร จะทำให้เห็นทะเลสาบอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราวกับว่าทะเลสาบกำลังลอยอยู่ นี่คือความน่าทึ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากสถานที่จริง
นอกจากนี้ การไหลของน้ำจากทะเลสาบผ่านน้ำตก Bøsdalafossur ที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ทำให้ทัศนียภาพที่เห็นยิ่งน่าประทับใจขึ้นอีก น้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง สู่มหาสมุทรด้านล่าง ก่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนการรวมตัวของทั้งทะเลสาบและมหาสมุทรในหนึ่งเดียว สภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกันระหว่างน้ำ ภูเขา และหน้าผาสูงชันนี้ทำให้ Sørvágsvatn เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักธรรมชาติและการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์
ทะเลสาบ Sørvágsvatn และ Trælanípa: ตำนานและประวัติศาสตร์
นอกจากความงดงามทางธรรมชาติที่ตราตรึงใจแล้ว Sørvágsvatn และหน้าผา Trælanípa ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าสนใจที่ถูกเล่าขานมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะ Trælanípa ซึ่งชื่อของมันมีความหมายว่า “หน้าผาทาส” ที่มาของชื่อนี้เกิดจากตำนานที่เกี่ยวกับทาสในยุคสมัยโบราณ
ตามตำนานเล่าว่า ในสมัยโบราณที่หมู่เกาะแฟโรยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มขุนนางหรือชนชั้นสูง ผู้ที่เป็นทาสมักถูกลงโทษอย่างโหดร้ายหากพวกเขาพยายามหนีหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ทาสที่ถูกจับได้มักจะถูกพามาที่หน้าผา Trælanípa และโยนลงสู่มหาสมุทรเบื้องล่าง ซึ่งเป็นการลงโทษที่ถือว่าโหดเหี้ยมและไร้ทางหนีรอด ทำให้สถานที่นี้ถูกขนานนามว่าเป็น “หน้าผาทาส”
นอกจากเรื่องราวตำนาน Trælanípa ยังเป็นจุดที่มีความสำคัญในด้านการเดินเรือและการประมงของชาวบ้านในอดีต พื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบและหน้าผานี้ถูกใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ที่สำคัญในการตรวจสอบการเดินทางของเรือที่มุ่งหน้าเข้าและออกจากเกาะ
ในปัจจุบัน Trælanípa กลายเป็นจุดชมวิวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นจุดที่นักเดินทางมาเพื่อสัมผัสกับความงามและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง การเดินทางไปยังจุดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณได้เห็นวิวทิวทัศน์อันน่าประทับใจ แต่ยังเป็นการย้อนรอยประวัติศาสตร์และตำนานของหมู่เกาะแฟโรอีกด้วย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชม
การเยี่ยมชม Sørvágsvatn นั้นควรทำในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นและสภาพอากาศปลอดโปร่งมากที่สุด หมู่เกาะแฟโรมีอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอยู่เสมอ
ในช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบและพื้นที่รอบ ๆ อาจถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้การเดินทางเป็นไปได้ยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทิวทัศน์ในฤดูหนาวก็มีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองเช่นกัน
สรุป
Sørvágsvatn เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดในหมู่เกาะแฟโร ความแปลกตาและน่าทึ่งของปรากฏการณ์ทะเลซ้อนทะเล ทำให้ทะเลสาบนี้เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าไปยัง Trælanípa เพื่อชมภาพลวงตาที่ดูเหมือนทะเลสาบลอยเหนือมหาสมุทร หรือล่องเรือในทะเลสาบเพื่อสัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบ Sørvágsvatn จะทำให้ทุกคนที่มาเยือนต้องตะลึงและจดจำไปตลอดชีวิต
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้