Aurora Borealis หรือที่รู้จักในชื่อ Northern Lights เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามโดยคำว่า “Aurora Borealis” มาจากคำภาษาละติน “Aurora” ซึ่งแปลว่า “รุ่งอรุณ” และ “Borealis” ที่แปลว่า “เหนือ”
แสงเหนือนั้นเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างอนุภาคพลังจากดวงอาทิตย์กับชั้นบรรยากาศของโลก เมื่อดวงอาทิตย์ปล่อยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมาจำนวนมากระหว่างการลุกจ้าของดวงอาทิตย์อนุภาคเหล่านี้บางส่วนจะถูกดึงมายังโลกด้วยสนามแม่เหล็ก เมื่ออนุภาคเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกใกล้กับบริเวณขั้วโลก จะชนกับอะตอม และโมเลกุล ทำให้เปล่งแสงออกมา
สีของแสงเหนือนั้นเป็นผลมาจากชนิดของอนุภาคก๊าซที่ชนกับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า สีที่พบมากที่สุดคือสีเขียวซึ่งเกิดจากการชนกับโมเลกุลของออกซิเจน อย่างไรก็ตาม ก็สามารถเห็นสีแดง เหลือง น้ำเงิน และม่วง ขึ้นอยู่กับระดับความสูง และประเภทของก๊าซในชั้นบรรยากาศที่เกี่ยวข้อง
สถานที่ล่าแสงเหนือ
นอร์เวย์ (Noway)
สถานที่ที่นิยมในการชมแสงเหนือคือ Tromsø, Lofoten Islands และ North Cape (Nordkapp) โดยแสงเหนือทางตอนเหนือที่ Tromsø มักเรียกกันว่า “Gateway to the Arctic” เพราะนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆใน Tromsø สถานที่ล่างแสงเหนือในนอร์เวย์อื่นๆ เช่น Svalbard
สวีเดน (Sweden)
สามารถชมแสงเหนือในสวีเดนได้ที่อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ในแลปแลนด์ (Lapland) หรืออีกจุดหนึ่งคือ ทะเลสาป Torneträsk อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติอาบิสโก้ (Abisko) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 70 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสวีเดน อีกจุดนึงคือ หมู่บ้าน Jukkasjärvi ที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของสวีเดนตั้งอยู่เหนือ Arctic Circle บนแม่น้ํา Torne ประมาณ 125 ไมล์
ฟินแลนด์ (Finland)
ตั้งอยู่ใน Lapland ภายใน Arctic Circle ทางตอนเหนือสุดของฟินแลนด์ รวมถึงสถานที่ต่างๆ เช่น Rovaniemi, Saariselkä และ Inari แสงเหนือจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดที่ระหว่างปลายเดือนสิงหาคมถึงเมษายน
ไอซ์แลนด์ (Iceland)
ภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไอซ์แลนด์ เช่น เรคยาวิก (Reykjavik) และ Golden Circle แต่ประเทศไอซ์แลนด์ส่วนมากจะสามารถเห็นแสงเหนือได้เเททุกจุด ซึ่งเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในไอซ์แลนด์คือระหว่างเดือนกันยายนถึงกลางเดือนเมษายน
แคนาดา (Canada)
เยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา เรียกอีกอย่างว่า “Aurora Capital of North America” ในนอร์ธเวสต์เทร์ริทอรีส์ (Northwest Territories) สามารถชมแสงเหนือได้ นอกจากนี้พื้นที่อื่นๆ ในแคนาดา เช่น ไวท์ฮอร์ส (Yukon) และเชอร์ชิลล์ (Manitoba) ก็มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้เช่นกัน
อลาสก้า สหรัฐอเมริกา (Alaska, USA)
Fairbanks และ Anchorage ในอลาสก้า โดย Fairbanks ถือเป็หนึ่งในสถานที่ดูแสงเหนือที่ดีที่สุดในโลก เพราะตั้งอยู่ใต้ “Auroral Oval” ที่ตั้งอยู่เหนือขั้วโลกเหนือ geomagnetic ของโลก
สกอตแลนด์ (Scotland)
ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ตั้งอยู่ที่ละติจูดเดียวกับ Stavanger ในนอร์เวย์ และเกาะ Nunivak ในอลาสกา ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือชนิด “Mirrie Dancers” ชนิดส่องแสงระยิบระยับทั่วท้องฟ้าได้ หรือเกาะ Orkney ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ อยู่ห่างจากชายฝั่งทางเหนือของสกอตแลนด์ประมาณ 10 ไมล์
กรีนแลนด์ (Greenland)
ประเทศกรีนแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่สามารถเห็นแสงเหนือได้เยอะมาก เช่น Kangerlussuaq เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรีนแลนด์ เป็นหมู่บ้านชุมชนเล็กๆ ที่สงบสามารถชมแสงเหนือที่สวยงามได้ที่นี่ หรือ Ilulissat (อ่าว Disko) ก็สามารถเห็นแสงเหนือได้ สถานที่อื่นๆ เช่น Tasiilaq (Ammassalik) และ Kulusuk บนชายฝั่งด้านตะวันออก
รัสเซีย (Russia)
เป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ ภายในประเทศมีพื้นที่ และแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมในชมแสงเหนือ เช่น เมืองเมอร์มังส์ก หรือมูรมานสก์ (Murmansk) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือรัสเซีย
เดนมาร์ก (Denmark)
ประเทศเดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแสงเหนืออยู่ทั่วทั้งประเทศ ตัวอย่างสถานที่ที่สามารถเห็นแสงเหนือได้คือภูมิภาค North Jutland หรือทางเหนือของเดนมาร์ก ในเมือง Skagen ถ้าโชคดีอาจจะเห็นได้ที่นี่ หรือสามารถชมแสงเหนือได้ที่หมู่เกาะแฟโร (Faroe) ตั้งอยู่ระหว่างทะเลนอร์เวย์และมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
เอสโตเนีย (Estonia)
หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าเอสโตเนียมีแสงเหนือด้วย โดยสามารถชมแสงเหนือได้ที่เมือง ซาดยาร์ฟ (Saadjärv) ของประเทศเอสโตเนีย โดยเมืองซาดยาร์ฟนั้นตั้งอยู่ที่ทะเลสาบ Saadjärv อยู่ห่างจาก Tartu ไปทางตอนกลางของเอสโตเนียไปทางเหนือ 14 ไมล์ ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Vooremaa อีกที่หนึ่งคือ Saaremaa ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Saadjärv และยังมีสถานที่อื่นๆที่สามารถชมแสงเหนือในเอสโตเนีย เช่น เมือง Paljassaare, Viimsi และอุทยานแห่งชาติ Lahemaa
เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)
ที่อุทยานแห่งชาติLauwersmeer เป็นจุดหนึ่งที่สามารถชมแสงเหนือได้ โดยอุทยานแห่งนี้อยู่บนพรมแดนของเนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี และอุทยานแห่งชาติ Schiermonnikoog ก็เป็นจุดชมแสงเหนือได้ นอกจากนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติ Dunes of Texel ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่สามาชมแสงเหนือ
นิวซีแลนด์ (New Zealand)
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลก และเป็นที่สามารถชมแสงใต้ได้ โดยสามารถรับชมแสงใต้ได้ในสถานที่ต่อไปนี้ Stewart Island อยู่ทางตอนใต้สุดของนิวซีแลนด์ และยังมีสถานที่อื่นอีกเช่น ทะเลสาป Tekapo ที่อยู่ใน Maclenzie , Catlins ที่อยู่ทางใต้สุด, Invercargill และ Dunedin
ออสเตรเลีย (Australia)
เป็นสถานที่ดูแสงใต้เหมือนนิวซีแลนด์ สามารถชมแสงใต้ได้ที่เกาะบรูนี่ (Bruny) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวแทสเมเนียรู้จักกันดี หรือเกาะ Satrllite ที่อยู่นอกชายฝั่งของเกาะบรูนี่ (Bruny) หรือจะเป็นอุทยานแห่งชาติ Cradle Mountain-Lake St Clair
หมายเหตุ!!! แต่ละสถานที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลต่างๆ เดือนที่เหมาะสมสำหรับการชมแสงเหนือ หรือสภาพอากาศ ควรตรวจเช็คทุกครั้งก่อนที่จะไปล่าแสงเหนือกันด้วย
หรือถ้าใครอยากรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร โดยเราจะนำความรู้ดีๆ สาระดีๆ หรือประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ มาบอกเล่าเรื่องราวให้ได้อ่านกัน สามารถติดตาม หมอๆ ตะลุยโลก และPatourlogy หรือถ้าใครต้องการท่องเที่ยวแบบเป็นกรุ๊ปส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นอกกระแส ขั้วโลกเหนือยังขั้วโลกใต้ ที่ประทับใจยันโลกหน้า สามารถติดต่อทาง Facebookและ Line ได้เลย เรายินดีพร้อมบริการทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อ้างอิงบทความ
- https://rove.me/to/denmark/northern-lights
- https://rove.me/to/greenland/northern-lights
- https://www.australia.com/en/things-to-do/nature-and-national-parks/where-to-see-the-southern-lights.html