Lençóis Maranhenses เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในโลก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลในรัฐ Maranhão สถานที่แห่งนี้มีความพิเศษอย่างมากเพราะเป็นการผสมผสานระหว่างเนินทรายและทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากน้ำฝน สร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามและแปลกตา ที่นี่ถือเป็นหนึ่งใน “Unseen” ที่นักเดินทางทั่วโลกต้องการมาเยือนอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต และเป็นที่รู้จักในฐานะสวรรค์แห่งเนินทรายที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่สามารถพบได้ที่ใดนอกจากที่นี่เท่านั้น
Lençóis Maranhenses ภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใคร
เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากการผสมผสานของสองธาตุธรรมชาติที่ขัดแย้งกัน คือทะเลทรายและน้ำ แม้ว่าในลักษณะทั่วไปจะดูเหมือนเป็นทะเลทรายเเต่มีเอกลักษณ์ด้วยการที่มีทะเลสาบน้ำจืดเกิดขึ้นในแอ่งที่เนินทรายรอบตัวทำให้เกิดการสะสมของน้ำฝนในช่วงฤดูฝน ผลที่ได้คือภาพที่น่าทึ่งของทะเลทรายสีขาวกว้างใหญ่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยทะเลสาบน้ำใสสีฟ้าหรือเขียวขจีที่กระจัดกระจายไปทั่ว
ความพิเศษอยู่ที่การเกิดทะเลสาบเหล่านี้ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะในฤดูฝน โดยน้ำฝนที่ตกลงมาจะสะสมอยู่ในแอ่งระหว่างเนินทรายจนเกิดเป็นทะเลสาบน้ำจืด ซึ่งมีลักษณะใสและสะอาด ความพิเศษนี้ทำให้ภูมิทัศน์มีความสวยงามที่ไม่เหมือนกับทะเลทรายทั่วไปที่มักจะแล้งและแห้ง เนินทรายที่กว้างขวางสามารถยาวไปได้ถึง 40 กิโลเมตร ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนคลื่นทรายที่ไม่สิ้นสุด
สวรรค์แห่งการถ่ายภาพธรรมชาติ
ภูมิทัศน์ของที่นี้นับว่าเป็นสวรรค์ของช่างภาพธรรมชาติและนักเดินทางที่รักการผจญภัย ทิวเนินทรายสีขาวบริสุทธิ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลผสานกับทะเลสาบน้ำจืดที่มีสีสันสดใสเหมือนดั่งภาพวาด ทำให้ผู้มาเยือนต่างหลงใหลในความงามที่เกิดจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่น้ำฝนท่วมขังจนเกิดเป็นทะเลสาบต่างๆ ทำให้เป็นภาพที่หาดูได้ยากที่อื่นในโลก
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดใน Lençóis Maranhenses
- ว่ายน้ำในทะเลสาบ:
ในช่วงฤดูฝน น้ำฝนที่ท่วมเนินทรายจะสร้างทะเลสาบน้ำจืดที่ใสสะอาดและปลอดภัย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถว่ายน้ำหรือแช่น้ำได้อย่างผ่อนคลาย ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงได้แก่ Lagoa Azul (ทะเลสาบสีฟ้า) และ Lagoa Bonita (ทะเลสาบสวย) - การเดินเท้า:
นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามอย่างใกล้ชิดสามารถเลือกเดินเท้าไปตามเนินทราย การเดินสำรวจในช่วงเช้าหรือเย็นจะช่วยให้ไม่ร้อนเกินไป และยังมีโอกาสชมวิวที่สวยงามเมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนกับทรายและทะเลสาบ - การนั่งเรือในแม่น้ำ Preguiças:
นอกจากการเดินทางในทะเลทรายแล้ว การล่องเรือในแม่น้ำ Preguiças เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ ผู้เดินทางจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าชายเลนและสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น รวมทั้งยังได้ชมหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ - การถ่ายภาพยามเย็น:
หนึ่งในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในการเที่ยวชมคือช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย สีของทรายและน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามแสง ทำให้เกิดภาพที่น่าทึ่งและน่าจดจำ
ฤดูกาลที่เหมาะสมในการเยี่ยมชม
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมา คือระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นช่วงหลังฤดูฝนที่น้ำฝนสะสมเต็มที่ในแอ่งน้ำบนเนินทราย ทะเลสาบต่างๆ จะเต็มไปด้วยน้ำใสสะอาด ทำให้ภูมิทัศน์มีความสวยงามอย่างยิ่ง ในช่วงนี้อุณหภูมิในพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ
เหตุผลที่สถานที่เเห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
เหตุผลหลักมาจากทำเลที่ตั้งของอุทยานซึ่งอยู่ห่างไกลจากเส้นทางท่องเที่ยวหลักในบราซิล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนบราซิลมักจะเลือกเดินทางไปยังสถานที่ชื่อดังอย่างริโอเดจาเนโร, อิกวาซู หรืออเมซอน ทำให้ที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากเท่าที่ควร
อีกปัจจัยหนึ่งคือการเข้าถึงนั้นค่อนข้างยาก ผู้ที่ต้องการเยี่ยมชมจะต้องเดินทางไปยังเมือง São Luís ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ Maranhão จากนั้นจึงต้องต่อรถไปยังเมือง Barreirinhas และยังต้องใช้ยานพาหนะเฉพาะทาง เช่น รถจี๊ป 4×4 ในการเดินทางข้ามเนินทรายที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การเดินทางลำบากนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวบางคนเลี่ยงการมาที่นี่ แต่สำหรับผู้ที่พร้อมจะเผชิญกับการเดินทางที่ท้าทาย ก็จะได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม การที่สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนี้กลับทำให้มันยังคงความงดงามและความเป็นธรรมชาติไว้ได้ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แท้จริงของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ไม่ต้องเผชิญกับความแออัดของนักท่องเที่ยว และสามารถดื่มด่ำกับความเงียบสงบและความงามที่แท้จริงของธรรมชาติ
บทสรุป
เนินทรายแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในโลก ด้วยภูมิทัศน์ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเนินทรายและทะเลสาบน้ำจืดที่สวยงาม การเดินทางมาที่นี่ไม่เพียงแค่ให้ความตื่นเต้นและประสบการณ์ที่น่าจดจำ แต่ยังทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงธรรมชาติที่สวยงามและไม่เหมือนใครในโลก สถานที่นี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปเยือนสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ Unseen ของบราซิล
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้