แม้อินเดียจะเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก และประกาศยกเลิกการแบ่งแยกวรรณะอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1950 แต่ ระบบวรรณะ ก็ยังคงฝังรากลึกในสังคมอินเดียจนถึงปัจจุบัน เหตุใดแนวคิดที่หลายคนมองว่า “ล้าสมัย” จึงยังมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนอินเดียในศตวรรษที่ 21?
ระบบวรรณะในอินเดีย
รากฐานจากศาสนาฮินดูและคัมภีร์โบราณ
ระบบวรรณะมีต้นกำเนิดจากคำสอนในศาสนาฮินดู โดยเฉพาะในคัมภีร์ ฤคเวท (Rigveda) ซึ่งกล่าวถึง “พรหม” เทพผู้สร้างโลก ที่แบ่งร่างของตนออกเป็นสี่ส่วน เพื่อนำไปสร้างมนุษย์แต่ละวรรณะ ทำให้เกิดแนวคิดว่าบางกลุ่มคน “เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเปลี่ยนไม่ได้ตลอดชีวิต
การแบ่งวรรณะทั้ง 4 กลุ่มหลัก
ระบบวรรณะดั้งเดิมเรียกว่า “วรรณระบบ (Varna System)” แบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่:
- พราหมณ์ (Brahmin) – นักบวช นักปราชญ์ มีหน้าที่ประกอบพิธีกรรม สอนศาสนา
- กษัตริย์ (Kshatriya) – นักรบและชนชั้นปกครอง
- แพศย์ (Vaishya) – พ่อค้า เกษตรกร คนทำธุรกิจ
- ศูทร (Shudra) – ช่างฝีมือ กรรมกร คนรับใช้
โดยระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาชีพ แต่เป็นการ “สืบทอดสถานะท างสังคมทางสายเลือด” หากเกิดมาเป็นศูทร ก็จะเป็นศูทรตลอดชีวิต
ขอบคุณภาพจาก ancient-origins.net
วรรณะนอกระบบ – กลุ่มดาลิต หรือ “จัณฑาล”
ดาลิต (Dalit) หรือที่เคยถูกเรียกว่า “จัณฑาล” เป็นกลุ่มคนที่อยู่นอกเหนือระบบวรรณะหลัก ถือเป็น “คนแตะต้องไม่ได้ (Untouchable)” ทำงานต่ำต้อย เช่น กำจัดซากสัตว์ ล้างห้องน้ำ หรือเผาศพ
แม้รัฐอินเดียจะประกาศเลิกระบบนี้ไปแล้ว แต่ในชีวิตจริง ดาลิตยังคงถูกเลือกปฏิบัติ ถูกจำกัดสิทธิ์ และเผชิญกับความรุนแรงทางสังคมในหลายพื้นที่
ทำไมอินเดียยังมีวรรณะในปัจจุบัน?
แม้กฎหมายรัฐธรรมนูญอินเดียปี 1950 จะห้ามการเลือกปฏิบัติโดยอิงวรรณะ แต่ระบบนี้ ยังฝังแน่นในวัฒนธรรม จิตสำนึก และโครงสร้างสังคม ของผู้คน
เหตุผลหลักที่ระบบวรรณะยังคงอยู่
- การแต่งงานข้ามวรรณะยังถูกต่อต้าน แม้ในเมืองใหญ่ พ่อแม่ยังจัดการแต่งงานโดยเลือกคู่ให้ลูกตามวรรณะเดียวกัน
- ระบบการศึกษาและอาชีพบางอย่าง ยังคงถูกครอบครองโดยกลุ่มพราหมณ์หรือกษัตริย์
- ความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรม ยังคงเน้นบทบาทของวรรณะชั้นสูง
- ระบบชนบทอินเดีย ยังคงใช้วรรณะเป็นเครื่องมือควบคุมอำนาจ และกำหนดบทบาทในชุมชน
ระบบวรรณะส่งผลต่อชีวิตคนอินเดียอย่างไร
แม้ชนชั้นกลางในเมืองใหญ่จะเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ แต่ในหลายพื้นที่ ระบบวรรณะยังส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในชีวิต เช่น:
- การเลือกอาชีพ: เด็กจากวรรณะต่ำอาจถูกปิดกั้นจากอาชีพบางประเภท
- การเข้าถึงการศึกษา: แม้รัฐบาลจะมีโควตาสำหรับดาลิต แต่ก็ยังเผชิญการกลั่นแกล้งหรือเหยียดหยามในโรงเรียน
- ความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน: มีรายงานข่าวบ่อยครั้งว่า ดาลิตถูกรังแก ถูกทำร้าย หรือถูกปฏิเสธบริการพื้นฐาน เช่น การเข้าวัดหรือใช้น้ำจากบ่อน้ำสาธารณะ
- การเมืองท้องถิ่น: ผู้นำหมู่บ้านหรือองค์กรส่วนใหญ่ยังมาจากวรรณะสูง
วรรณะต่ำในอินเดียมีสิทธิเหมือนคนอื่นไหม?
ตามกฎหมายแล้ว ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเกิดในวรรณะใด แต่ในทางปฏิบัติ ดาลิตและกลุ่มวรรณะต่ำยังคงได้รับโอกาสทางสังคมน้อยกว่ากลุ่มอื่น รัฐบาลอินเดียจึงมีนโยบาย “Reservation” หรือโควต้าในมหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ และรัฐสภา เพื่อช่วยให้กลุ่มเหล่านี้ได้สิทธิเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ
สรุป
ระบบวรรณะในอินเดียไม่ใช่แค่ “เรื่องของอดีต” แต่ยังเป็นโครงสร้างที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของคนจำนวนมาก เป็นทั้งเรื่องของ อัตลักษณ์, อำนาจ, และ ความไม่เท่าเทียม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมยังต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอีกมาก
สนใจทัวร์ต่างประเทศติดต่อ patourlogy