การดูดาวเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำให้เรา ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ และ ความลึกลับของจักรวาล สถานที่บางแห่งทั่วโลกมีทัศนียภาพและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการดูดาวได้อย่างเต็มตา ในบทความนี้ เราจะแนะนำ “10 สถานที่ดูดาว สุดอัศจรรย์ทั่วโลก” ที่นักดูดาวไม่ควรพลาด แต่ละสถานที่มีความพิเศษในการเปิดรับแสงจากดวงดาว ทำให้เราได้เห็นทางช้างเผือกและกลุ่มดาวในแบบที่หาได้ยาก
1. หอดูดาวมาวูน่าเคอา (Mauna Kea) ฮาวาย สหรัฐอเมริกา
หอดูดาวมาวูน่าเคอา (Mauna Kea) เป็นสถานที่ที่โดดเด่นในหมู่สถานที่ดูดาวทั่วโลก ด้วยความสูงกว่า 4,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ที่นี่อยู่เหนือชั้นบรรยากาศหลายชั้นที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางแสง จึงทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภูมิอากาศในแถบนี้แห้ง และ มีความชื้นต่ำ ส่งผลให้ทัศนวิสัยของท้องฟ้าใสสะอาดและเหมาะสำหรับการดูดาว นอกจากนี้ หอดูดาว Mauna Kea ยังเป็นที่ตั้งของกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่จากทั่วโลก เช่น กล้อง Subaru และกล้อง Keck Observatory ที่ใช้ในการศึกษาดาราศาสตร์และสำรวจจักรวาล นักวิทยาศาสตร์ และ นักท่องเที่ยวสามารถจองทัวร์ไปเยี่ยมชมที่นี่ในยามค่ำคืนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ดูดาวแบบใกล้ชิดและได้ชมดาวเคราะห์ต่างๆ บนท้องฟ้าฮาวายอันกว้างใหญ่
2. หุบเขาเดธแวลลีย์ (Death Valley) แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
หุบเขาเดธแวลลีย์ (Death Valley) ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่โด่งดังสำหรับนักดูดาว ด้วยความกว้างขวางและเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลจากแสงไฟและเมืองต่างๆ ทำให้ท้องฟ้าในเขตนี้มืดสนิท เหมาะสำหรับการชมกลุ่มดาวและทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน เดธแวลลีย์ยังได้รับการรับรองเป็นเขตสงวนท้องฟ้ามืดโดย International Dark-Sky Association (IDA) ที่สนับสนุนการอนุรักษ์ท้องฟ้ายามค่ำคืน นักดูดาวสามารถเห็นดาวเคราะห์ กลุ่มดาว และดาวเคราะห์น้อยได้อย่างชัดเจนในช่วงฤดูหนาว ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน นักดูดาวยังสามารถเห็น “Meteor Shower” หรือ ฝนดาวตก เพอร์เซอิดส์ (Perseids) ที่นี่ด้วย ทำให้เดธแวลลีย์เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในดวงดาวและธรรมชาติที่งดงาม
3. วัลเล่ เดอลาลูน่า (Valle de la Luna) ชิลี
วัลเล่ เดอลาลูน่า หรือ หุบเขาพระจันทร์ ตั้งอยู่ในทะเลทรายอะตากามา (Atacama Desert) ในประเทศชิลี เป็นสถานที่ดูดาวที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกแห่งหนึ่ง ทะเลทรายอะตากามาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แห้งที่สุดในโลก โดยมีสภาพภูมิอากาศที่แห้งและอากาศบางเบา จึงทำให้บรรยากาศใสสะอาดเป็นพิเศษ สถานที่นี้มีพื้นที่กว้างขวางและปราศจากมลภาวะทางแสง ทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวและเส้นทางช้างเผือกที่ชัดเจนอย่างยิ่ง นอกจากนี้ หอดูดาวหลายแห่ง เช่น ALMA (Atacama Large Millimeter Array) ซึ่งเป็นหอดูดาววิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังตั้งอยู่ในบริเวณนี้เพื่อทำการสำรวจทางดาราศาสตร์ นักดูดาวสามารถชมกลุ่มดาวทางช้างเผือกและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนที่นี่ วัลเล่ เดอลาลูน่า จึงเป็นสวรรค์ของนักดูดาวและช่างภาพที่ต้องการภาพดวงดาวสุดอัศจรรย์
4. อุทยานแห่งชาติแบนฟ์ (Banff National Park) แคนาดา
อุทยานแห่งชาติแบนฟ์ (Banff National Park) ตั้งอยู่ในรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดา เป็นหนึ่งในสถานที่ชมดาวที่งดงามที่สุดในอเมริกาเหนือ ด้วยภูมิประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาร็อกกี้และทะเลสาบน้ำแข็ง ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมท้องฟ้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ท้องฟ้าที่แบนฟ์ใสสะอาดและปราศจากแสงไฟจากเมืองใกล้เคียง จึงทำให้นักดูดาวสามารถมองเห็นดวงดาว ทางช้างเผือก และบางครั้งแม้แต่แสงเหนือ (Aurora Borealis) ที่ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าเขียวและม่วงในยามค่ำคืน ทางอุทยานมีการจัดงาน “Banff Jasper Dark Sky Festival” ในทุกปีช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเทศกาลดาราศาสตร์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและชมความงามของท้องฟ้าที่แบนฟ์
5. เขตสงวนท้องฟ้ามืด Aoraki Mackenzie (Aoraki Mackenzie Dark Sky Reserve) นิวซีแลนด์
เขตสงวนท้องฟ้ามืด Aoraki Mackenzie ในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรองให้เป็นเขตสงวนท้องฟ้ามืดแห่งแรกของซีกโลกใต้ โดยพื้นที่นี้ครอบคลุมทั้งภูเขา Aoraki และทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านท้องฟ้าที่ใสบริสุทธิ์ ปราศจากแสงจากเมืองใกล้เคียง นักดูดาวสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้แบบเต็มตา ที่นี่เป็นแหล่งชมทางช้างเผือกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อีกทั้งยังมีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในหอดูดาว Mount John Observatory ที่เปิดให้บริการชมท้องฟ้าและดวงดาวแก่นักท่องเที่ยว นักดูดาวยังสามารถสัมผัสกับแสงออโรร่าตามธรรมชาติได้อีกด้วยในบางฤดูกาล เป็นสถานที่ในฝันสำหรับนักดาราศาสตร์และช่างภาพที่ต้องการเก็บภาพท้องฟ้าแบบใกล้ชิด
6. หมู่เกาะคานารี (Canary Islands) สเปน
หมู่เกาะคานารี ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแอฟริกา เป็นจุดชมดาวที่มีชื่อเสียงในยุโรป โดยเฉพาะบนเกาะลาปัลมา (La Palma) ที่นี่มีอากาศที่ใสสะอาดและอุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี จึงทำให้เหมาะแก่การชมดวงดาวและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อย่างมาก เกาะลาปัลมามีหอดูดาว Roque de los Muchachos ซึ่งเป็นหนึ่งในหอดูดาวที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลกและมีนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาทำการวิจัยและสังเกตปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ นอกจากนี้ ในคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง คุณสามารถชมทางช้างเผือก กลุ่มดาวต่างๆ และดาวเคราะห์ได้อย่างชัดเจน หมู่เกาะคานารีเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักดูดาวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ดูดาวแบบพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดวงดาว
7. จัตแลนด์ (Jutland) เดนมาร์ก
จัตแลนด์ (Jutland) เป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นจุดชมดาวที่น่าประทับใจในยุโรปเหนือ ด้วยความห่างไกลจากแสงไฟในเมืองใหญ่ จัตแลนด์จึงมีท้องฟ้าที่มืดสนิทเหมาะแก่การดูดาว ในช่วงฤดูร้อนที่นี่เป็นจุดที่สามารถเห็นกลุ่มดาวทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน ส่วนในฤดูหนาว จัตแลนด์ยังเป็นจุดชมแสงเหนือ (Northern Lights) ที่มีความงดงาม จัตแลนด์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในท้องฟ้ายามค่ำคืนและต้องการถ่ายภาพดาวหรือแสงเหนือ ที่นี่มีทิวทัศน์ของภูเขาและชายฝั่งทะเลที่ทำให้การชมดาวยิ่งสวยงามและตื่นตาตื่นใจ
8. อุทยานแห่งชาติซากาโมโต (Sagarmatha National Park) เนปาล
อุทยานแห่งชาติซากาโมโต (Sagarmatha National Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาเอเวอเรสต์ในประเทศเนปาล เป็นสถานที่ชมดาวที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความสูงระดับหลายพันเมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมาลัยที่สูงตระหง่าน และมีท้องฟ้าที่โปร่งใสในยามค่ำคืน นักดูดาวที่มาที่นี่จะได้ชมดวงดาวที่ชัดเจนราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อม นอกจากนี้ การชมดาวที่นี่จะมาพร้อมกับวิวของยอดเขาเอเวอเรสต์และเทือกเขาหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ ในเวลากลางคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง คุณสามารถเห็นทางช้างเผือกและกลุ่มดาวต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลทั้งการปีนเขาและการดูดาวในบรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ไหน
9. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ฮอกไกโด ญี่ปุ่น
อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ตั้งอยู่ในเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ถือเป็นจุดชมดาวที่สวยงามและเป็นที่นิยมในฤดูหนาว ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและบรรยากาศที่สงบ ที่นี่ทำให้นักดูดาวสามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน ปราศจากแสงรบกวนจากเมืองใกล้เคียง ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นและมีความชื้นต่ำ ท้องฟ้าที่นี่จึงมืดสนิท เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทางช้างเผือกและกลุ่มดาวต่างๆ อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซังยังเป็นจุดที่นักดูดาวสามารถสัมผัสกับแสงออโรร่า (Aurora) ได้ในบางคืน หากอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ควรมาเยือนสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของท้องฟ้าในญี่ปุ่น
10. ทะเลทรายแอลเกอร์ (Algerian Sahara) แอลจีเรีย
ทะเลทรายแอลเกอร์ (Algerian Sahara) ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา เป็นจุดชมดาวที่น่าประทับใจและเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักดูดาว ด้วยความเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่และห่างไกลจากแสงไฟในเมืองใหญ่ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีท้องฟ้าที่มืดสนิทที่สุดในโลก เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายแอลเกอร์ในยามค่ำคืน คุณจะได้เห็นกลุ่มดาวต่างๆ ทางช้างเผือก และแม้แต่ดาวเคราะห์น้อยได้อย่างชัดเจน ความพิเศษของการดูดาวในทะเลทรายคือบรรยากาศอันเงียบสงบที่ล้อมรอบ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกใบ การชมดาวในทะเลทรายแอลเกอร์เป็นประสบการณ์ที่นักดูดาวและนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ทั้งยังมีโอกาสสัมผัสกับทัศนียภาพทะเลทรายที่งดงามในเวลากลางวันอีกด้วย
บทสรุป สถานที่ดูดาว
สำหรับผู้ที่รักการดูดาว สถานที่ทั้ง 10 แห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด แต่ละที่มีความพิเศษและเป็นสวรรค์สำหรับนักดูดาวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของท้องฟ้า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดูดาวมืออาชีพหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความมหัศจรรย์ของจักรวาล การเดินทางไปเยือนสถานที่ดูดาวเหล่านี้จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับภาพที่หาชมได้ยาก พร้อมกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้