ในประวัติศาสตร์โลกมีหลาย “ประเทศ” ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจ อิทธิพล หรือแม้แต่เอกราช แต่กลับเลือนหายไปจากแผนที่โลก ไม่ว่าจะด้วยสงคราม การรวมชาติ หรือความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม บทความนี้จะพาคุณย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับ 7 ประเทศโบราณที่เคยมีอยู่จริงแต่ปัจจุบันไม่มีอยู่แล้ว พร้อมสำรวจสาเหตุที่ทำให้พวกมันหายไป
7 ประเทศโบราณที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน
1. ราชอาณาจักรปรัสเซีย (Kingdom of Prussia)
ราชอาณาจักรปรัสเซียก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1701 เป็นรัฐหนึ่งในยุโรปตอนกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมหาอำนาจทางการทหาร การเมือง และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 18–19 ปรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรวมชาติเป็นจักรวรรดิเยอรมัน และเป็นต้นแบบของรัฐทหารที่มีระเบียบวินัยเข้มงวด
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง ปรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับแนวคิดชาตินิยมและลัทธิทหาร เมื่อเยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรมองว่าปรัสเซียเป็นตัวแทนของลัทธิเผด็จการและสาเหตุของสงคราม จึงมีการประกาศยุบราชอาณาจักรปรัสเซียอย่างเป็นทางการในปี 1947
สาเหตุการล่มสลาย
พ่ายแพ้ในสงครามโลก และถูกยุบโดยฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อขจัดอิทธิพลชาตินิยม
2. สาธารณรัฐเท็กซัส (Republic of Texas)
น้อยคนจะรู้ว่าเท็กซัสเคยเป็น “ประเทศอิสระ” ที่มีรัฐธรรมนูญ ประธานาธิบดี และสกุลเงินของตนเอง หลังจากชนะสงครามประกาศอิสรภาพจากเม็กซิโกในปี 1836 เท็กซัสจึงกลายเป็นสาธารณรัฐที่ได้รับการรับรองบางส่วนจากนานาชาติ
ตลอด 9 ปีของการเป็นรัฐเอกราช สาธารณรัฐเท็กซัสมีปัญหาหนี้สิน เศรษฐกิจไม่มั่นคง และความขัดแย้งกับเม็กซิโกอย่างต่อเนื่อง ในปี 1845 เท็กซัสจึงยินยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในฐานะรัฐที่ 28 นำไปสู่สงครามเม็กซิโก–อเมริกาในเวลาต่อมา
สาเหตุการล่มสลาย
ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายใน รวมถึงแรงจูงใจในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ
3. ยูโกสลาเวีย (Yugoslavia)
ยูโกสลาเวียก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1918 โดยรวมกลุ่มชาติต่างๆ ที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกันในคาบสมุทรบอลข่าน เช่น เซอร์เบีย โครเอเชีย บอสเนีย มาซิโดเนีย สโลวีเนีย และมอนเตเนโกร กลายเป็นประเทศที่รวมชาติพันธุ์ “สลาฟใต้” เข้าด้วยกัน
ตลอดศตวรรษที่ 20 ยูโกสลาเวียต้องเผชิญความขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์ ศาสนา และลัทธิการเมืองหลายแบบ โดยเฉพาะหลังการเสียชีวิตของผู้นำอย่าง “โจซิป บรอซ ตีโต” ประเทศเริ่มอ่อนแอและเกิดกระแสแบ่งแยก กระทั่งเกิดสงครามกลางเมืองในช่วงทศวรรษ 1990 จนประเทศล่มสลายเป็นหลายประเทศในที่สุด
สาเหตุการล่มสลาย
ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และศาสนา และการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในยุโรป
4. เวอร์มอนต์ (Republic of Vermont)
ก่อนจะกลายเป็นรัฐที่ 14 ของสหรัฐอเมริกา เวอร์มอนต์เคยดำรงอยู่ในฐานะ “สาธารณรัฐอิสระ” ตั้งแต่ปี 1777–1791 หลังจากแยกตัวจากนิวยอร์กและนิวแฮมป์เชียร์ เวอร์มอนต์มีรัฐธรรมนูญเป็นของตัวเอง และเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ประกาศเลิกทาส
แม้ไม่ได้รับการยอมรับจากสหรัฐฯ ในช่วงแรก เวอร์มอนต์ก็สามารถปกครองตัวเองได้อย่างมีเสถียรภาพ จนกระทั่งมีการเจรจาให้เวอร์มอนต์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อพิพาทเรื่องพรมแดน
สาเหตุการล่มสลาย
เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกาโดยสมัครใจ เพื่อเสถียรภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
5. เชโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia)
หลังการล่มสลายของจักรวรรดิออสโตร-ฮังการีในปี 1918 ประเทศใหม่ชื่อ “เชโกสโลวาเกีย” ก็ถือกำเนิดขึ้น รวมสองกลุ่มชาติพันธุ์หลักคือชาวเช็กและชาวสโลวัก เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้าที่สุดในยุโรปกลาง
แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เชโกสโลวาเกียก็เป็นประเทศที่มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง จนกระทั่งในปี 1993 ได้มีการตกลงแยกประเทศอย่างสันติกลายเป็น “สาธารณรัฐเช็ก” และ “สโลวาเกีย” ซึ่งทั้งสองประเทศยังดำรงอยู่ในปัจจุบัน
สาเหตุการล่มสลาย
การแยกประเทศโดยสันติเนื่องจากแนวคิดชาติพันธุ์และเศรษฐกิจที่ต่างกัน
6. ราชอาณาจักรฮาวาย (Kingdom of Hawaii)
ราชอาณาจักรฮาวายเคยเป็นรัฐเอกราชในมหาสมุทรแปซิฟิก มีการจัดตั้งระบบกษัตริย์ในปี 1795 โดยพระเจ้าคาเมฮาเมฮา และมีการติดต่อกับต่างประเทศ เช่น อังกฤษ และญี่ปุ่น ในฐานะประเทศอิสระ
ในปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มนักธุรกิจอเมริกันในฮาวายที่ต้องการเข้าถึงทรัพยากรและผลประโยชน์ทางการเกษตร ได้ร่วมมือกันโค่นล้มราชวงศ์ จนกระทั่งฮาวายถูกสหรัฐอเมริกาผนวกเข้าอย่างเป็นทางการในปี 1898
สาเหตุการล่มสลาย
ถูกรัฐประหารโดยกลุ่มผลประโยชน์ภายนอก และถูกผนวกเป็นดินแดนของสหรัฐฯ
7. ประเทศแกรนโคลอมเบีย (Gran Colombia)
แกรนโคลอมเบียถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1819 หลังจากการปลดแอกจากสเปนโดยผู้นำปฏิวัติชื่อดัง ซิมอน โบลิวาร์ โดยมีเป้าหมายในการรวมประเทศในอเมริกาใต้ให้เป็นเอกภาพ ประกอบด้วยโคลอมเบีย เวเนซุเอลา เอกวาดอร์ และปานามา
แต่ความแตกต่างในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้นำ และอุปสรรคด้านภูมิศาสตร์ทำให้แกรนโคลอมเบียล่มสลายอย่างรวดเร็วในปี 1831 หลังจากดำรงอยู่เพียงสิบกว่าปี
สาเหตุการล่มสลาย
ความขัดแย้งทางการเมืองภายในและการบริหารที่ไม่มีเอกภาพ
สาเหตุที่ทำให้ “ประเทศ” ในอดีตเลือนหายไป
การหายไปของประเทศในอดีตไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุผลเดียว แต่มักเป็นผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง สงคราม หรือการรวมชาติ บางกรณีเกิดขึ้นอย่างรุนแรง บางกรณีเกิดขึ้นอย่างสันติ
1. การรวมชาติหรือการผนวกรัฐ
ประเทศเล็กๆ บางแห่งยอมรวมกับประเทศใหญ่เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือการป้องกันตน เช่น เวอร์มอนต์กับสหรัฐอเมริกา หรือเชโกสโลวาเกียที่แยกกันโดยความสมัครใจ
2. สงครามและการล่าอาณานิคม
หลายประเทศสิ้นสุดลงจากการพ่ายแพ้ในสงครามหรือการถูกยึดครอง เช่น ราชอาณาจักรปรัสเซียหลังสงครามโลก หรือราชอาณาจักรฮาวายที่ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐ
3. ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และการเมืองภายใน
ยูโกสลาเวียเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของประเทศที่แตกออกเพราะความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองและการแบ่งแยกอย่างถาวร
4. การล่มสลายของจักรวรรดิ
จักรวรรดิที่เคยมีอำนาจอย่างออสโตร-ฮังการี สเปน หรือโรมัน เมื่อสิ้นสุดลงก็นำไปสู่การเกิดประเทศใหม่ และการลบชื่อประเทศเก่าออกจากแผนที่โลก
สรุป
โลกในปัจจุบันคือผลลัพธ์ของประวัติศาสตร์หลายพันปี และชื่อประเทศที่เราคุ้นเคยในวันนี้ อาจไม่ได้คงอยู่ตลอดไป เหมือนเช่นที่ “ประเทศ” เหล่านี้เคยมีอยู่ และเลือนหายไปในที่สุด การเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์ แต่คือการเข้าใจพลวัตของอำนาจ การเมือง และอัตลักษณ์ของผู้คนบนโลกใบนี้