ประเทศที่หนาวที่สุดในโลกคือที่ไหน?
เมื่อพูดถึง “ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก” หลายคนอาจนึกถึงหิมะขาวโพลน น้ำแข็งหนาแน่น และอุณหภูมิที่ลดต่ำจนติดลบหลายสิบองศา แต่จริงๆ แล้ว ความหนาวเย็นไม่ได้มีแค่ในขั้วโลกเท่านั้น ยังมีหลายประเทศที่อยู่ในเขตซีกโลกเหนือที่เผชิญกับฤดูหนาวอันโหดร้ายทุกปี
เกณฑ์ในการจัดอันดับอุณหภูมิ
การจัดอันดับประเทศที่หนาวที่สุดในโลกนั้นพิจารณาจาก:
- อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึกไว้
- อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาว
- พื้นที่ที่มีหิมะหรือธารน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี
- ความสามารถในการอยู่อาศัยของประชากรท้องถิ่นในสภาพอากาศเหล่านี้
อันดับ 10 ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก
1. รัสเซีย
เมืองยาคุตสค์ กับอุณหภูมิต่ำสุด -71.2°C
ยาคุตสค์ (Yakutsk) เมืองหลวงของสาธารณรัฐซาฮา (Sakha Republic) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่ซึ่งหนาวที่สุดในโลก บางวันในฤดูหนาวอุณหภูมิลดลงเหลือต่ำกว่า -50°C อย่างต่อเนื่อง และในปี 1926 เมือง Oymyakon ซึ่งอยู่ใกล้กันได้บันทึกสถิติโลกที่ -71.2°C
ทำไมไซบีเรียถึงกลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง?
ไซบีเรียมีลักษณะภูมิประเทศที่ราบกว้าง ไม่มีภูเขาบังลมจากขั้วโลกเหนือ ทำให้ลมเย็นแทรกเข้ามาโดยตรง อุณหภูมิในหน้าหนาวสามารถคงอยู่ที่ระดับติดลบได้นานนับเดือน แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง และพื้นดินกลายเป็น permafrost (ดินเยือกแข็งถาวร)
วิถีชีวิตท่ามกลางความเย็นจัด
ผู้คนในยาคุตสค์ต้องสวมใส่เสื้อขนสัตว์แท้ เช่น ขนเรนเดียร์ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ บางบ้านฝังท่อน้ำไว้ใต้ดินลึกมากเพื่อไม่ให้แข็งตัว ร้านค้าหลายแห่งไม่เคยปิดเครื่องยนต์รถเพราะกลัวสตาร์ตไม่ติดในอุณหภูมิต่ำจัด
ขอบคุณภาพจาก bbc
2. แคนาดา
ยูคอนและนอร์ธเวสต์เทร์ริทอรีส์ หนาวได้เกือบ -60°C
บริเวณตอนเหนือของแคนาดา เช่น ดินแดนยูคอน นอร์ธเวสต์เทร์ริทอรีส์ และนูนาวุต อุณหภูมิในฤดูหนาวอาจลดต่ำถึง -50°C ถึง -60°C และมีแสงแดดน้อยมากในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
แคนาดาเป็นบ้านของหิมะตลอดปี
หลายพื้นที่ของแคนาดาปกคลุมด้วยหิมะอย่างต่อเนื่องตลอดฤดูหนาว โดยเฉพาะเทือกเขาร็อกกี้และภูมิภาคอาร์กติก บางพื้นที่มีหิมะตกหนักจนกลายเป็นแหล่งเล่นสกีระดับโลก เช่น Whistler และ Banff
ชีวิตท่ามกลางหิมะกับการใช้ชีวิตแบบชาวเหนือ
ชาวแคนาดานิยมสร้างบ้านที่มีฉนวนกันความเย็นอย่างดี รถยนต์ทุกคันมักติดตั้งฮีตเตอร์ และคนส่วนใหญ่ต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดกลางหิมะ เช่น การขับรถบนถนนน้ำแข็งและการใช้เสื้อผ้าหลายชั้น
3. มองโกเลีย
ฤดูหนาวที่อูลานบาตอร์ กับอุณหภูมิ -40°C
เมืองหลวงอูลานบาตอร์ของมองโกเลียเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่หนาวเย็นที่สุดในโลก อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมกราคมมักอยู่ระหว่าง -20°C ถึง -40°C และลมหนาวจากไซบีเรียพัดเข้ามาแทบตลอดฤดูหนาว
การปรับตัวของประชาชนในประเทศกึ่งทะเลทราย
มองโกเลียมีพื้นที่เป็นกึ่งทะเลทรายและทุ่งหญ้า การใช้ชีวิตของชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ยังคงมีลักษณะเร่ร่อนในเกิร์ (Ger) หรือกระโจม ซึ่งออกแบบมาให้ทนกับสภาพอากาศสุดขั้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความแข็งแกร่งที่ถูกหล่อหลอมจากธรรมชาติ
ความหนาวทำให้ประชาชนมีวิถีชีวิตเรียบง่าย พึ่งพาธรรมชาติ การเลี้ยงสัตว์ เช่น แพะ แกะ และม้า ยังคงเป็นหลัก และอาหารมองโกเลียเน้นไขมันและเนื้อสัตว์เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
4. นอร์เวย์
เมือง Karasjok และ Finnmark ที่หนาวติดลบมากที่สุด
Karasjok เมืองทางตอนเหนือของนอร์เวย์ในเขต Finnmark เคยวัดอุณหภูมิต่ำสุดไว้ที่ -51.4°C เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดฤดูหนาว และเป็นแหล่งอาศัยของชาวซามิ (Sámi) ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของสแกนดิเนเวีย
ความโรแมนติกของออโรร่าในอุณหภูมิต่ำ
แม้จะหนาวเย็นจัด แต่นอร์เวย์กลับกลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวในฤดูหนาว ด้วยแสงเหนือที่งดงามในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม โดยเฉพาะในเมือง Tromsø และ Alta
การอยู่รอดในฤดูหนาวของนอร์เวย์
บ้านเรือนถูกออกแบบให้มีฉนวนและระบบทำความร้อนที่ดีเยี่ยม ผู้คนใช้ห้องซาวน่าเป็นวิธีผ่อนคลายและปรับอุณหภูมิร่างกาย และยังมีกิจกรรมอย่างตกปลาบนน้ำแข็ง และสุนัขลากเลื่อน
ขอบคุณภาพจาก expedia
5. คาซัคสถาน
เมือง Astana ที่อุณหภูมิลดเหลือ -50°C
เมืองหลวง Astana หรือชื่อใหม่ Nur-Sultan ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของเอเชียกลาง ซึ่งเปิดรับลมหนาวโดยไม่มีแนวกั้น อุณหภูมิในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์มักติดลบ -30°C ถึง -40°C และเคยลดต่ำถึง -51°C
เมืองหลวงใหม่ของโลกแห่งความหนาว
Astana ถูกออกแบบให้เป็นเมืองทันสมัยใหม่ มีอาคารกระจกสูงใหญ่และโครงสร้างที่ทนต่ออากาศหนาวจัด แม้จะเผชิญความเย็นอย่างรุนแรง แต่เมืองก็ยังเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
วัฒนธรรมการอยู่รอดท่ามกลางหิมะ
ชาวคาซัคยังคงรักษาวิถีชีวิตเร่ร่อนดั้งเดิมในบางพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ปรับตัวด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครื่องทำความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ และเสื้อผ้าเทคโนโลยีสูง
6. ฟินแลนด์
Lapland ดินแดนของซานตาคลอสที่ต่ำกว่า -40°C
Lapland คือภูมิภาคตอนเหนือของฟินแลนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเย็นที่สุดในประเทศ อุณหภูมิในฤดูหนาวสามารถลดลงต่ำกว่า -40°C โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลอย่าง Sodankylä หรือ Kittilä
หนาวแค่ไหนคนที่นี่ก็ยังซาวน่าทุกวัน
หนึ่งในวัฒนธรรมการอยู่รอดของชาวฟินแลนด์คือ “ซาวน่า” ซึ่งมีอยู่เกือบทุกบ้าน คนฟินแลนด์นิยมใช้ซาวน่าทุกวันเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสร้างความอบอุ่นภายในร่างกาย
แสงเหนือ และชีวิตสงบในแดนขั้วโลก
Lapland ยังเป็นหนึ่งในจุดชมแสงเหนือ (Aurora Borealis) ที่สวยที่สุดในโลก ในฤดูหนาวกลางคืนยาวนานถึง 20 ชั่วโมง แต่ชาวฟินแลนด์ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามและเงียบสงบ
7. กรีนแลนด์ (ดินแดนของเดนมาร์ก)
หนาวเย็นจากธารน้ำแข็ง Arctic
กรีนแลนด์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีพื้นที่กว่า 80% ปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งถาวร (ice sheet) อุณหภูมิในบางพื้นที่สามารถลดลงต่ำกว่า -50°C โดยเฉพาะในฤดูหนาวตอนเหนือของเกาะ
ชีวิตท่ามกลางหิมะขาวโพลนตลอดปี
ประชากรในกรีนแลนด์ส่วนใหญ่เป็นชาวอินูอิตที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งตะวันตก การดำรงชีวิตขึ้นอยู่กับการล่าสัตว์น้ำแข็ง เช่น แมวน้ำและปลาวาฬ พวกเขายังสร้างที่อยู่อาศัยที่ออกแบบมาสำหรับเก็บความร้อน เช่น บ้านหินและหิมะ (อิกลู)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับผลกระทบ
แม้จะหนาวเย็น แต่กรีนแลนด์กลับเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อนมากที่สุด ธารน้ำแข็งละลายเร็วกว่าที่เคย ซึ่งส่งผลต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวพื้นเมือง
8. สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)
เมือง Fairbanks และ Prospect Creek กับอุณหภูมิ -62°C
อลาสกาเป็นรัฐที่อยู่ทางเหนือสุดของสหรัฐอเมริกา มีอุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึกไว้ที่เมือง Prospect Creek ในปี 1971 ซึ่งอยู่ที่ -62°C ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่หนาวที่สุดในซีกโลกตะวันตก
อลาสกาคือความหนาวสุดขั้วของอเมริกา
แม้จะมีความหนาวเย็นจัด แต่อลาสกายังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น Denali National Park, แสงเหนือใน Fairbanks และธารน้ำแข็ง Mendenhall
ชีวิตในเขตหนาวสุดขั้ว
ประชาชนในอลาสกาใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง เช่น การเตรียมอาหารสำรอง เครื่องทำความร้อนในบ้าน และเครื่องยนต์รถยนต์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อให้สตาร์ตติดแม้อุณหภูมิต่ำสุดขั้ว
9. ไอซ์แลนด์
ประเทศแห่งไฟและน้ำแข็ง กับอุณหภูมิ -30°C
ไอซ์แลนด์มีลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่นระหว่างภูเขาไฟและธารน้ำแข็ง แม้จะตั้งอยู่ใกล้อาร์กติกเซอร์เคิล แต่อุณหภูมิไม่ได้หนาวสุดขั้วเหมือนรัสเซียหรือแคนาดา เพราะได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ในภาคเหนืออุณหภูมิอาจลดลงถึง -30°C
การท่องเที่ยวที่ยังคงคึกคักแม้หนาวจัด
แม้จะหนาวเย็น แต่ไอซ์แลนด์กลับกลายเป็นประเทศยอดนิยมในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเพื่อชมแสงเหนือ อาบน้ำพุร้อนอย่าง Blue Lagoon และเยี่ยมชมภูเขาไฟหิมะในฤดูหนาว
ชีวิตกับธรรมชาติที่โหดร้ายและสวยงาม
ชาวไอซ์แลนด์มีความสามารถในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ พวกเขาพึ่งพาพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal) ในการทำความร้อนทั่วประเทศ และยังมีระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัยแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว
10. สวีเดน
เมือง Jokkmokk และภูมิภาค Lapland
เมือง Jokkmokk ในภูมิภาค Lapland ของสวีเดนเผชิญกับอุณหภูมิต่ำถึง -45°C ในฤดูหนาว เป็นพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง และยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนพื้นเมืองซามิไว้ได้อย่างเข้มแข็ง
หนาวแค่ไหนก็ยังอบอุ่นด้วยวัฒนธรรมซามิ
ชาวซามิในสวีเดนมีวิถีชีวิตที่ผสานธรรมชาติ เช่น การเลี้ยงกวางเรนเดียร์ และการใช้ชุดขนสัตว์แบบดั้งเดิมเพื่อกันความหนาว พวกเขายังมีเทศกาลฤดูหนาวที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น Jokkmokk Winter Market ที่มีอายุกว่า 400 ปี
สวีเดนกับการอยู่รอดในอุณหภูมิติดลบ
แม้จะอยู่ในอากาศหนาว แต่สวีเดนยังคงมีมาตรฐานชีวิตที่สูง ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบพลังงานสะอาด และระบบสาธารณสุขที่ทันสมัย ทำให้การใช้ชีวิตท่ามกลางอุณหภูมิติดลบกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน