เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains) ไม่ใช่แค่แลนด์สเคปอันน่าทึ่งของโลก แต่ยังเป็นเหมือน “กระดูกสันหลัง” ที่พาดยาวผ่านใจกลางของอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในแคนาดา เทือกเขานี้เปรียบได้ดั่งเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงธรรมชาติ ผู้คน และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางยอดเขาหิมะ น้ำตกธารน้ำแข็ง และทะเลสาบสีฟ้าสด เทือกเขาร็อกกี้กลายเป็นปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ทำไมเทือกเขาร็อกกี้จึงถูกเรียกว่า “กระดูกสันหลังของแคนาดา”
เทือกเขาร็อกกี้ (Rockies) เป็นแนวเขาที่ทอดตัวยาวกว่า 4,800 กิโลเมตร จากรัฐนิวเม็กซิโกในสหรัฐฯ จนถึงรัฐบริติชโคลัมเบียและอัลเบอร์ตาในแคนาดา ความยิ่งใหญ่และความต่อเนื่องของแนวเขานี้คือเหตุผลที่ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็น “กระดูกสันหลังของแคนาดา” (The Backbone of Canada)
เหตุผลหลักมีดังนี้
- พาดผ่านตั้งแต่รัฐทางตะวันตกสู่ตอนเหนือ: เทือกเขาร็อกกี้แบ่งพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างรัฐอัลเบอร์ตา (Alberta) และบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) เป็นเหมือนเส้นแบ่งกายภาพและภูมิอากาศของประเทศ
- เป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญ: ทั้งแม่น้ำโคลัมเบีย (Columbia River), แม่น้ำโบว์ (Bow River) และแม่น้ำแอธาบาสกา (Athabasca River) ล้วนมีต้นกำเนิดจากเทือกเขานี้
- หล่อหลอมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว: ร็อกกี้ไม่เพียงแต่มีบทบาททางภูมิศาสตร์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่แคนาดาภูมิใจเสนอ
6 จุดเช็กอินเทือกเขาร็อกกี้
เที่ยวเทือกเขาร็อกกี้ให้ครบ ต้องไม่พลาด 6 จุดหมายปลายทางที่เรียกได้ว่า “ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง” ตั้งแต่จุดชมวิวมุมสูง ไปจนถึงธารน้ำแข็งที่คุณสามารถเดินลงไปสัมผัสได้
1. Banff Gondola
หากคุณต้องการสัมผัสเทือกเขาร็อกกี้แบบ 360 องศา การขึ้น กระเช้า Banff Gondola สู่ยอดเขา Sulphur Mountain คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เมื่อขึ้นถึงด้านบน คุณจะได้ชมวิวแบบพาโนราม่าของเทือกเขาร็อกกี้ แม่น้ำโบว์ (Bow Falls) และ เมืองแบมฟ์เบื้องล่าง นอกจากนี้ที่สถานีด้านบนยังมี Skywalk สำหรับเดินชมวิว พร้อมพิพิธภัณฑ์และคาเฟ่บรรยากาศดีที่ห้ามพลาด
2. Moraine Lake
Moraine Lake คือภาพโปสการ์ดที่โด่งดังที่สุดของแคนาดา น้ำในทะเลสาบนี้มีสีฟ้าสดราวกับใช้ฟิลเตอร์ โดยเกิดจากแร่ธาตุที่ละลายมาจากธารน้ำแข็ง และ ยังเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ใน หุบเขาแห่งสิบยอด (Valley of the Ten Peaks) และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่งดงามที่สุดในฤดูร้อน เหมาะกับการพายเรือแคนู หรือถ่ายภาพช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
3. Athabasca Falls
Athabasca Falls ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Jasper เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในเทือกเขาร็อกกี้ แม้ว่าจะไม่ได้สูงมาก แต่ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านนั้นมหาศาล โดยมีจุดชมวิวรอบ ๆ น้ำตกถูกจัดไว้อย่างปลอดภัยและเข้าถึงง่าย ทำให้สามารถธรรมชาติ และ น้ำตกได้อย่างใกล้ชิด พร้อมถ่ายภาพสวย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
4. Columbia Icefield
Columbia Icefield คือ ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ห้ามพลาดของเทือกเขาร็อกกี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถ Ice Explorer เพื่อเดินทางไปยังกลางธารน้ำแข็ง และลงเดินสัมผัสน้ำแข็งจริง ๆ ได้
นอกจากนี้ยังมี Skywalk ที่ยื่นออกจากหน้าผาให้ชมวิวหุบเขาแบบเสียวสะใจ
5. Trail Ridge Road
แม้ Trail Ridge Road จะอยู่ในฝั่งสหรัฐอเมริกา แต่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาร็อกกี้ตอนใต้และเชื่อมโยงเส้นทางสู่ร็อกกี้แคนาดาอย่างกลมกลืน เส้นทางนี้ถือเป็นถนนลาดยางที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ และเปิดให้ขับได้เฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
การขับรถผ่าน Trail Ridge Road คือการสัมผัสร็อกกี้แบบโรแมนติกที่สุด ผ่านทุ่งดอกไม้ป่า ทะเลสาบบนยอดเขา และฝูงกวางมัสค์อ็อกซ์ที่เดินตัดถนนอย่างอิสระ
6. Bear Lake
Bear Lake ตั้งอยู่ใน Rocky Mountain National Park เป็นสถานที่ยอดฮิตของนักเดินป่าแบบครอบครัว ด้วยเส้นทางรอบทะเลสาบที่เดินง่ายและใช้เวลาไม่มาก น้ำในทะเลสาบนิ่งสะท้อนภาพภูเขาและท้องฟ้าได้อย่างงดงาม
เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นสัมผัสธรรมชาติแบบไม่โหดเกินไป และยังมีจุดถ่ายภาพสวย ๆ ทุกมุม
สรุป
เทือกเขาร็อกกี้ ไม่ได้เป็นเพียงแนวเขาที่ยาวใหญ่ที่สุดของอเมริกาเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นจิตวิญญาณของธรรมชาติแคนาดาอย่างแท้จริง ทุกจุดหมายในร็อกกี้ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ธารน้ำแข็ง หรือทะเลสาบ ต่างเล่าเรื่องราวของเวลา ธรรมชาติ และพลังชีวิต
ชมทัวร์แคนาดา ติดต่อ patourlogy