ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) คือหนึ่งในสถานที่ที่หิมะงดงามที่สุดในจีนตอนใต้ ตั้งอยู่ใกล้เมืองลี่เจียง มณฑลยูนนาน เป็นเทือกเขาที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และวัฒนธรรมชนเผ่า สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานอันลึกซึ้ง
ทำความรู้จัก “ภูเขาหิมะมังกรหยก”
ภาพรวมเทือกเขา Jade Dragon Snow Mountain
ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือในภาษาจีนเรียกว่า Yulong Xueshan (玉龙雪山) เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวกว่า 35 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองลี่เจียง สูงสุดที่ยอดเขา Shanzidou ซึ่งมีความสูงถึง 5,596 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถสัมผัสหิมะได้ใกล้เขตเมืองมากที่สุดในประเทศจีน
ภูเขาหิมะมังกรหยกมีความพิเศษตรงที่สามารถเห็นหิมะปกคลุมยอดเขาได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ ธารน้ำแข็ง ที่ระดับความสูงต่ำที่สุดในเขตเส้นรุ้งต่ำของซีกโลกเหนือ เป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก
นอกจากความอลังการทางธรรมชาติ ที่นี่ยังถือเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสายสำคัญ และเป็นบ้านของพืชพรรณเฉพาะถิ่นและสัตว์ป่าอันหลากหลาย เช่น แพนด้าแดง, ละมั่งทิเบต และนกหลากชนิด
ทำไมถึงเรียกว่า “ภูเขาหิมะมังกรหยก”
ตำนานของชนเผ่าในพื้นที่เล่าว่า เทือกเขานี้คือร่างของ “มังกรหยก” ที่ปกป้องเมืองลี่เจียงจากปีศาจร้าย จึงเกิดชื่อเรียก “ภูเขามังกรหยก” หรือ “Jade Dragon Snow Mountain” ขึ้น เนื่องจากเมื่อหิมะปกคลุมยอดเขา และ สะท้อนแสงแดด จะเกิดประกายคล้ายหยกขาวที่เป็นมันเงาเหมือนเกล็ดของมังกร
อีกทั้งจากมุมมองของลี่เจียง เมื่อมองไปยังแนวสันเขาจะเห็นเส้นโค้งคล้ายมังกรนอนขด จึงทำให้ชื่อเสียงเรียงนามของภูเขานี้เต็มไปด้วยจินตนาการ ความลึกลับ และมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติที่ไม่เหมือนที่ใด
ลี่เจียง เมืองมรดกโลกในจีนตอนใต้
ประวัติและความสำคัญของลี่เจียง
เมืองลี่เจียง (Lijiang) ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองชนชาติหน่าซี ทางตอนเหนือของมณฑลยูนนาน เมืองแห่งนี้มีอายุมากกว่า 800 ปี และเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมชนเผ่า “หน่าซี” (Naxi) ซึ่งมีภาษา ประเพณี และสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว
เมืองเก่าลี่เจียง (Lijiang Old Town) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1997 โดดเด่นด้วยบ้านไม้ทรงจีน ทางเดินหิน และคลองน้ำใสที่ไหลผ่านทั้งเมือง เสน่ห์ของลี่เจียงอยู่ที่การผสมผสานวัฒนธรรมจีน ฮั่น ทิเบต และชนพื้นเมืองเข้าด้วยกันได้อย่างงดงาม
ผู้มาเยือนลี่เจียงมักจะรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในสมัยราชวงศ์หมิง หรือชิง ด้วยบรรยากาศเมืองเก่า การแสดงดนตรีดั้งเดิม และผู้คนในชุดพื้นเมือง
ที่เที่ยวใกล้เคียง
- เมืองเก่าลี่เจียง (Lijiang Old Town) – จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยว เต็มไปด้วยร้านชา งานฝีมือพื้นบ้าน และโรงแรมสไตล์จีนดั้งเดิม
- ช่องเขาน้ำโขง (Tiger Leaping Gorge) – หนึ่งในหุบเขาลึกที่สุดในโลก เหมาะกับนักผจญภัยที่ต้องการเดินเท้าและสัมผัสธรรมชาติระดับโลก
- หมู่บ้านชนเผ่าหน่าซี – เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองที่ยังคงรักษาภาษาหน่าซีและธรรมเนียมโบราณไว้ได้อย่างดี
วิธีเดินทางไปภูเขาหิมะมังกรหยก
เดินทางจากเชียงใหม่ถึงลี่เจียง
แม้จะอยู่คนละประเทศ แต่การเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังลี่เจียงไม่ใช่เรื่องยาก โดยสามารถเลือกเส้นทางดังนี้:
- บินจากเชียงใหม่ไปคุนหมิง (Kunming) – ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
- ต่อเครื่องจากคุนหมิงไปลี่เจียง – ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
สนามบินลี่เจียง (Lijiang Sanyi International Airport) อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 นาทีโดยรถยนต์ และมีบริการรถแท็กซี่หรือรถรับจ้างจากสนามบินถึงโรงแรม
หากมีเวลาและอยากชมวิวธรรมชาติ สามารถเลือกนั่งรถไฟความเร็วปานกลางจากคุนหมิงถึงลี่เจียงได้เช่นกัน ใช้เวลาราว 6-8 ชั่วโมง
เส้นทางรถบัสและแท็กซี่ไปยังฐานกระเช้า
จากตัวเมืองลี่เจียงไปยัง “ฐานกระเช้าภูเขาหิมะมังกรหยก” มีระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 40–50 นาที โดยสามารถเดินทางได้หลายวิธี:
- รถบัสสายพิเศษ (Shuttle Bus) จากสถานีขนส่งเมืองลี่เจียง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- แท็กซี่/รถเช่าเหมาคันพร้อมคนขับ – เหมาะกับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม และต้องการความยืดหยุ่นในการแวะจุดต่าง ๆ ราคาประมาณ 200–300 หยวนต่อวัน
เมื่อถึงฐานกระเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเลือกขึ้น กระเช้าใหญ่ (Glacier Park Cableway) ที่จะพาขึ้นสู่ความสูงประมาณ 4,506 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมวิวธารน้ำแข็งและหิมะได้แบบใกล้ชิด
ข้อแนะนำก่อนขึ้นเขาหิมะมังกรหยก
- เตรียมร่างกายให้พร้อม – ความสูงระดับ 4,000 เมตรอาจทำให้บางคนมีอาการแพ้ความสูง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ
- อากาศหนาวจัดแม้ฤดูร้อน – ควรเตรียมเสื้อกันหนาว ถุงมือ แว่นกันแดด และครีมกันแดด เนื่องจากแสงยูวีที่ความสูงจะรุนแรงกว่าปกติ
- ออกเดินทางเช้า – เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และมีเวลาเที่ยวในพื้นที่ได้เต็มที่
ทำไม “ภูเขาหิมะมังกรหยก” ถึงควรค่าแก่การไปเยือน
- ชมความงามของหิมะและธารน้ำแข็ง แบบที่สัมผัสได้จริง ไม่ต้องไกลถึงยุโรป
- ผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น กับตำนานและธรรมชาติได้อย่างลงตัว
- ใกล้เมืองมรดกโลกอย่างลี่เจียง ที่สามารถใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งวัน
- เหมาะกับทั้งนักเดินทางสายธรรมชาติ และครอบครัว ที่ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่
เคล็ดลับเที่ยว “ภูเขาหิมะมังกรหยก” ฤดูไหนดีที่สุด?
การไปเยือน “ภูเขาหิมะมังกรหยก” ให้ได้ประสบการณ์ที่สวยงามและประทับใจที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับ ฤดูกาลและเวลาเดินทาง เป็นสำคัญ เพราะแต่ละช่วงมีเสน่ห์และบรรยากาศที่ต่างกัน
ฤดูหนาว vs ฤดูใบไม้ผลิ – หิมะและอุณหภูมิ
- ฤดูหนาว (ธันวาคม–กุมภาพันธ์): เป็นช่วงที่หิมะปกคลุมหนาแน่น เหมาะกับคนที่อยากเห็นภูเขาหิมะในภาพจำแบบ “ขาวโพลน” ทั้งลูก ยอดเขาสะท้อนแสงอาทิตย์เหมือนหยก เป็นช่วงที่หนาวที่สุด อุณหภูมิอาจต่ำกว่า 0°C
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม–พฤษภาคม): หิมะยังคงหลงเหลืออยู่บนยอดเขา แต่ระดับจะบางลง ทำให้เห็นสีเขียวของพืชพรรณตัดกับหิมะบนยอด เป็นช่วงที่อากาศไม่หนาวจัด ท้องฟ้าเปิด เหมาะกับการถ่ายรูปและเดินป่า
ภูเขาหิมะมังกรหยก ควรไปเดือนไหน?
เดือนที่แนะนำที่สุดคือ มีนาคม–เมษายน และ ตุลาคม–พฤศจิกายน เนื่องจาก:
- หิมะยังมีอยู่บนยอดเขา
- ท้องฟ้าเปิด แดดอ่อน ถ่ายรูปสวย
- อากาศไม่หนาวจัดจนเกินไป
- นักท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วงวันหยุดยาวในจีน
อุณหภูมิและสภาพอากาศโดยเฉลี่ย
เดือน | อุณหภูมิสูงสุด (°C) | อุณหภูมิต่ำสุด (°C) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
ม.ค. | 5 | -5 | หิมะเยอะที่สุด |
มี.ค. | 8 | -1 | ฟ้าใส เหมาะถ่ายภาพ |
มิ.ย. | 15 | 7 | มีฝนบ้าง |
ต.ค. | 12 | 2 | ใบไม้เปลี่ยนสี |
ธ.ค. | 4 | -4 | หิมะเริ่มหนา |
เวลาเช้า–บ่าย แสงสวยสุด และหลีกเลี่ยงฝูงนักท่องเที่ยว
- เวลาที่ดีที่สุด: 08.00–10.00 น.
ช่วงนี้แสงอาทิตย์ตกกระทบหิมะทำให้เกิดประกายวิบวับเหมือนหยก อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ สามารถเก็บภาพได้อย่างสงบ - หลีกเลี่ยงเวลาเร่งด่วน: 11.00–14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงทัวร์จีนมักขึ้นกระเช้าพร้อมกัน
กระเช้าลอยฟ้าและค่าตั๋วเข้าชม
“ภูเขาหิมะมังกรหยก” มี 3 กระเช้าใหญ่ ให้บริการ โดยขึ้นอยู่กับระดับความสูงและประสบการณ์ที่ต้องการ
ราคาตั๋วกระเช้าแต่ละช่วง
ชื่อกระเช้า | จุดหมาย | ความสูง (เมตร) | ราคาโดยประมาณ (ไป–กลับ) |
---|---|---|---|
Glacier Park Cableway | ธารน้ำแข็ง | 4,506 | 180 หยวน |
Yak Meadow Cableway | ทุ่งหญ้าหิมะ | 3,700 | 70 หยวน |
Spruce Meadow Cableway | ทางเดินชมวิว | 3,240 | 60 หยวน |
วิธีจองตั๋วล่วงหน้าและจุดจำหน่าย
- ซื้อผ่านแอปพลิเคชันท่องเที่ยวจีน เช่น Ctrip หรือ Meituan (รองรับภาษาอังกฤษ)
- ซื้อที่โรงแรมในลี่เจียง หลายแห่งมีบริการจองพร้อมรถรับ-ส่ง
- ซื้อหน้าทางเข้า (มีจำนวนจำกัด และต้องต่อคิวนานในช่วงไฮซีซัน)
สถานที่ห้ามพลาดรอบ ๆ “ภูเขาหิมะมังกรหยก”
นอกจากขึ้นกระเช้าชมหิมะแล้ว ยังมีสถานที่น่าแวะชมรอบ ๆ ที่ควรเพิ่มไว้ในโปรแกรม
ทะเลสาบแสงจันทร์ (Blue Moon Valley)
- ตั้งอยู่ด้านล่างของภูเขาหิมะมังกรหยก
- น้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์จากธารน้ำแข็งไหลลงมาสู่ลำธาร
- มีสะพานหินและจุดถ่ายภาพยอดนิยมหลายจุด
- สามารถเช่าชุดพื้นเมืองชนเผ่าถ่ายรูปได้
เส้นทางเดินป่า Yak Meadow
- เดินป่าระยะสั้นท่ามกลางทุ่งหญ้าสูงที่มีหิมะโรยอยู่ปลายยอด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมธรรมชาติแบบสงบ ไม่มีคนพลุกพล่าน
- จุดชมวิว “หางมังกร” ที่สามารถเห็นแนวยอดเขาโค้งคล้ายมังกรนอนขด
ระยะเวลา: ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ไป-กลับ
ความสูง: ประมาณ 3,700 เมตร – มีโอกาสพบ “ยัค” ตัวเป็น ๆ ได้ในทุ่ง
สรุป
หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่รวมความ “มหัศจรรย์ของหิมะ ธรรมชาติ และตำนานจีน” เข้าด้วยกันในทริปเดียว — ภูเขาหิมะมังกรหยก คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ท้องฟ้าเปิด แสงสวย และธรรมชาติยังคงขาวงามอยู่
สนใจทัวร์ติดต่อ patourlogy