อาหารอิตาลีไม่ใช่แค่พิซซ่าหรือพาสต้า แต่เต็มไปด้วยเรื่องราว วัฒนธรรม และรสชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 20 เมนูอาหารอิตาลีแบบต้นตำรับ ที่ทั้งแปลกใหม่ อร่อย และมีที่มาน่าสนใจ รับรองว่าหลังอ่านจบ คุณจะเข้าใจว่าวัฒนธรรมอิตาลี “อยู่ในจานอาหาร” อย่างแท้จริง
- 1. คาเนเดอลี (Canederli)
- 2. ทอร์เทลลินี (Tortellini)
- 3. ชิกเคติ (Cicchetti)
- 4. บังนา เกาด้า (Bagna Càuda)
- 5. บรูสเก็ตต้า (Bruschetta)
- 6. มิเนสโตรเน (Minestrone)
- 7. ริโบลลิตา (Ribollita)
- 8. วิเทลโล ทอนนาโต (Vitello Tonnato)
- 9. ซาร์เด อิน ซอร์ (Sarde in Saor)
- 10. ลาซานญ่า (Lasagne / Lasagna)
- 11. เฟตตูชินี อัล โพโมโดโร (Fettuccine al Pomodoro)
- 12. ฟิเลติ ดิ บาคคาลา (Filetti Di Baccalà)
- 13. โพเลนต้า (Polenta)
- 14. บิสเต็กก้า ฟิออเรนตินา (Bistecca Fiorentina)
- 15. ราวิโอลี่ (Ravioli)
- 16. คาสิโอเอเปเป้ (Cacio e Pepe)
- 17. อารันชินี (Arancini)
- 18. รีซอตโต้ (Risotto)
- 19. ฟอกาเซีย (Focaccia)
- 20. สปาเก็ตติ อัลเล วองโกเล่ (Spaghetti alle Vongole)
1. คาเนเดอลี (Canederli)
คาเนเดอลี คืออาหารพื้นเมืองจากแคว้น ทรีโน–อัลโตอาดิเจ ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งมีพรมแดนติดกับออสเตรีย ทำให้วัฒนธรรมอาหารได้รับอิทธิพลจากเยอรมันอย่างชัดเจน เมนูนี้คือการนำ ขนมปังเก่า เบคอน ไข่ นม ชีส และเครื่องเทศ มาผสมรวมกัน ปั้นเป็นก้อนแล้วต้มในน้ำซุปให้สุก
คาเนเดอลีมักเสิร์ฟในซุปหรือราดเนยและชีส โรยหน้าด้วยพาร์มีซาน เป็นอาหารเรียบง่ายของคนภูเขาที่ต้องการใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าในฤดูหนาว ปัจจุบันนิยมเสิร์ฟในร้านอาหารท้องถิ่นและเทศกาลพื้นบ้านของอิตาลีตอนเหนือ โดยเฉพาะในฤดูหิมะตก
จุดเด่น: เนื้อสัมผัสนุ่ม แน่น อุ่นท้อง รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไพร
2. ทอร์เทลลินี (Tortellini)
ทอร์เทลลินีคือหนึ่งในพาสต้าแบบยัดไส้ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี โดยเฉพาะใน โบโลญญาและโมเดนา เล่ากันว่ารูปร่างของทอร์เทลลินีนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก… สะดือของเทพีวีนัส! ทำให้มีรูปลักษณ์เป็นวงแหวนบิดม้วน สอดไส้ตรงกลาง
ไส้ดั้งเดิมประกอบด้วย เนื้อหมู พาร์มาแฮม มอร์ตาเดลลา และชีส ปรุงรสด้วยลูกจันทน์เทศ จากนั้นนำไปต้มและเสิร์ฟในน้ำซุปไก่หรือเนื้อ อาจเสิร์ฟแบบแห้งกับซอสครีมหรือซอสมะเขือเทศก็ได้เช่นกัน
จุดเด่น: ถือเป็นอาหารประจำฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสของครอบครัวชาวอิตาเลียน
3. ชิกเคติ (Cicchetti)
หากคุณได้ไปเยือนเวนิสในช่วงเย็น อย่าเพิ่งรีบหาข้าวเย็นทาน เพราะคนท้องถิ่นจะเลือกไปร้านบาร์เล็กๆ ที่เรียกว่า “Bacaro” เพื่อกิน ชิกเคติ ก่อน นี่คืออาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็กหลากหลายแบบ ที่นิยมกินคู่กับไวน์ท้องถิ่นหรือ “Aperol Spritz”
เมนูชิกเคติมีตั้งแต่ ขนมปังหน้าปลาทูน่า หมักน้ำมันมะกอก, แอนโชวีดอง, ปลาซาร์ดีนหมักเปรี้ยว, ไปจนถึงไข่ต้มครึ่งซีกโรยชีส หรือลูกชิ้นเนื้อทอด เสิร์ฟเป็นคำๆ คล้ายทาปาสของสเปน แต่กลิ่นอายเวนิส
จุดเด่น: เป็นมากกว่าอาหาร เพราะชิกเคติคือวัฒนธรรมการสังสรรค์ของชาวเมืองลอยน้ำ
4. บังนา เกาด้า (Bagna Càuda)
ชื่อเมนูนี้อาจฟังดูแปลก แต่ Bagna Càuda แปลตรงตัวว่า “น้ำจิ้มร้อน” เป็นเมนูดิปร้อนที่มีต้นกำเนิดจากแคว้น ปีเยมอนเต ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี สูตรดั้งเดิมประกอบด้วย กระเทียมบด แอนโชวี น้ำมันมะกอก และเนย เคี่ยวรวมกันจนเป็นซอสเข้มข้น
วิธีกินคือการจุ่ม ผักสดหรือผักนึ่ง เช่น แครอท ขึ้นฉ่าย หัวผักกาด หรือกะหล่ำปลี ลงในซอสอุ่นๆ คล้ายฟองดูว์ของสวิตเซอร์แลนด์ แต่มีกลิ่นรสที่เข้มข้นและเค็มกลมกล่อมกว่ามาก
จุดเด่น: Bagna Càuda คืออาหารแห่งฤดูหนาวที่กินร่วมกันทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูง สื่อถึงความอบอุ่นแบบอิตาเลียนแท้ๆ
5. บรูสเก็ตต้า (Bruschetta)
บรูสเก็ตต้า คือเมนูอิตาเลียนเรียบง่ายที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ต้นกำเนิดมาจากชาวนาในแคว้นลาซิโอและทัสกานีที่นำ ขนมปังเก่า มาปิ้งแล้วถูด้วยกระเทียม ราดน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ และเกลือ
ต่อมาจึงมีการเติมหน้าต่างๆ ลงไป เช่น มะเขือเทศสด พริกไทยดำ ใบโหระพา มอสซาเรลล่า หรือแอนโชวี บรูสเก็ตต้าจึงกลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ประหยัดแต่มีรสชาติสดใหม่จากวัตถุดิบ
จุดเด่น:: ยิ่งวัตถุดิบสดเท่าไร บรูสเก็ตต้ายิ่งอร่อยโดยไม่ต้องปรุงเยอะ
6. มิเนสโตรเน (Minestrone)
มิเนสโตรเน คือซุปผักอิตาเลียนแบบโบราณ ที่ไม่มีสูตรตายตัว เพราะจะปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาลของแต่ละภูมิภาค โดยปกติมักใส่ ถั่ว ผักหลากชนิด มะเขือเทศ พาสต้า หรือข้าว แล้วปรุงด้วยน้ำมันมะกอก กระเทียม และสมุนไพรพื้นบ้าน
จานนี้ไม่ได้เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย แต่ยังสะท้อนแนวคิด “ใช้ของให้คุ้ม” ของชาวอิตาเลียนในชนบท ซึ่งมักใช้ผักเหลือจากสวนมาปรุงเป็นซุปอุ่นๆ ให้ทั้งครอบครัวกินได้หลายวัน
จุดเด่น: เหมาะกับมังสวิรัติ มีรสชาติสดชื่นและอุดมด้วยไฟเบอร์ เป็นอาหารสุขภาพที่อร่อยและอยู่ท้อง
7. ริโบลลิตา (Ribollita)
ริโบลลิตา เป็นซุปข้นจากแคว้น ทัสกานี ที่โด่งดังในฐานะ “ซุปที่อุ่นใหม่อีกครั้ง” เพราะชื่อ “Ribollita” หมายถึง “ต้มซ้ำ” ในภาษาอิตาเลียน
ต้นกำเนิดมาจากการนำซุปผักหรือถั่วที่เหลือมากินต่อในวันถัดไปโดยเติม ขนมปังแข็ง ลงไปแล้วอุ่นให้ร้อน ทำให้เนื้อซุปมีความเข้มข้นและแน่นขึ้น รสชาติจึงอร่อยกว่าวันแรกเสียอีก ส่วนผสมหลักได้แก่ เคล (Cavolo nero), ถั่วขาว, แครอท, เซเลอรี่ และหัวหอม
จุดเด่น: เป็นสัญลักษณ์ของความเรียบง่ายแต่ไม่ทิ้งคุณภาพในครัวอิตาเลียนแบบดั้งเดิม
8. วิเทลโล ทอนนาโต (Vitello Tonnato)
เมนูนี้อาจฟังดูแปลก เพราะคือการจับคู่ ลูกวัวต้ม กับ ซอสปลาทูน่า แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในอาหารเรียกน้ำย่อยที่หรูหราและนิยมมากในแคว้น ปีเยมอนเต โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
เนื้อลูกวัวจะถูกต้มจนสุกนุ่ม แล้วนำมาหั่นบางๆ วางเรียงบนจาน ราดด้วยซอสที่ทำจาก ปลาทูน่า มายองเนส เคเปอร์ และน้ำเลมอน รสชาติออกเปรี้ยว เค็ม มัน ตัดกับความนุ่มของเนื้อได้อย่างลงตัว
จุดเด่น: เย็น สดชื่น ไม่เหมือนใคร เหมาะกับเสิร์ฟเป็นออเดิร์ฟในมื้ออาหารพิเศษ
9. ซาร์เด อิน ซอร์ (Sarde in Saor)
จานนี้คือผลผลิตจากประวัติศาสตร์ของชาวประมงเวนิสในยุคกลาง ที่ต้องถนอมปลาให้อยู่ได้นานหลายวัน ซาร์เด อิน ซอร์ คือ ปลาซาร์ดีน ที่นำมาทอดแล้วหมักในน้ำส้มสายชู หอมใหญ่ผัดหวาน ลูกเกด และถั่วไพน์นัท
เมื่อหมักทิ้งไว้ 1–2 วัน รสชาติของส่วนผสมจะผสานกันอย่างลึกซึ้ง เป็นการจับคู่รสเปรี้ยว หวาน เค็ม และกรอบไว้ในจานเดียว ถือเป็นของขึ้นชื่อที่มีเฉพาะในเวนิส
จุดเด่น: ควรกินแบบเย็น พร้อมไวน์ขาว หรือเสิร์ฟเป็นส่วนหนึ่งของชุด “Cicchetti” เพื่อเปิดรสสัมผัสใหม่ๆ
10. ลาซานญ่า (Lasagne / Lasagna)
ไม่มีอาหารอิตาเลียนจานใดจะมีชื่อเสียงไปกว่าลาซานญ่าอีกแล้ว แผ่นพาสต้าสลับชั้นกับ ซอสมะเขือเทศ เนื้อบด เบชาเมล และชีสมอซซาเรลล่า นำไปอบจนหอมฟุ้ง มีต้นกำเนิดจากเมือง โบโลญญา ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านพาสต้าและเนื้อสัตว์
ลาซานญ่ากลายเป็นจานคลาสสิกของครอบครัวในทุกเทศกาล โดยเฉพาะวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเวลารวมตัวของคนในบ้าน รสชาติที่ได้คือความเข้มข้น นุ่ม ละลายในปาก และอัดแน่นด้วยรสชาติทุกชั้น
จุดเด่น: ลาซานญ่าต้นตำรับมักใช้ซอส “Ragù alla Bolognese” ไม่ใช่แค่ซอสมะเขือเทศอย่างเดียว
11. เฟตตูชินี อัล โพโมโดโร (Fettuccine al Pomodoro)
เฟตตูชินี อัล โพโมโดโร คือเมนูพาสต้าที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรสชาติแบบฉบับอิตาเลียนแท้ ใช้เส้น เฟตตูชินี ซึ่งเป็นเส้นแบนกว้าง คลุกเคล้ากับซอสมะเขือเทศสดที่เคี่ยวจนได้ความหวานตามธรรมชาติ พร้อมด้วยกระเทียม น้ำมันมะกอก และใบโหระพา
ต้นกำเนิดของเมนูนี้อยู่ในแคว้นลาซิโอและเนเปิลส์ โดยแสดงออกถึงแนวคิด “น้อยแต่มาก” ของอาหารอิตาเลียน ที่ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่ชนิดแต่ให้รสชาติลึกและชัดเจน
จุดเด่น: เหมาะทั้งเป็นมื้อกลางวันเบาๆ หรือเสิร์ฟคู่ไวน์แดงในมื้อเย็นแบบเรียบหรู
12. ฟิเลติ ดิ บาคคาลา (Filetti Di Baccalà)
ฟิเลติ ดิ บาคคาลา คือเมนู ปลาค็อดเค็ม (Baccalà) ที่นิยมมากในแคว้นลาซิโอ โดยเฉพาะกรุงโรม ปลาจะถูกแช่น้ำเพื่อลดความเค็ม จากนั้นนำไปชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน กลายเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยหรือของกินเล่นยอดนิยม
ในอดีต บาคคาลาเป็นวิธีถนอมปลาให้เก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น และยังเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญของครอบครัวอิตาเลียนในช่วงที่หาซื้อเนื้อสัตว์ไม่ได้ ปัจจุบันกลายเป็นอาหารที่มีทั้งในงานเลี้ยงและร้านอาหารระดับสูง
จุดเด่น: จิ้มกับมายองเนสเล็กน้อยหรือกินเปล่าๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
13. โพเลนต้า (Polenta)
โพเลนต้า คือเมนูแป้งข้าวโพดต้มจนข้น ลักษณะคล้ายโจ๊กหรือมันบด มีต้นกำเนิดจาก แคว้นลอมบาร์ดี เวเนโต และเทรนติโน ซึ่งนิยมปลูกข้าวโพดในฤดูร้อน
เดิมทีโพเลนต้าเป็นอาหารหลักของคนยากจนในแถบภูเขา ทานกับชีส เนื้ออบ หรือผักต้ม แต่ในปัจจุบันกลายเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีเสน่ห์ และถูกดัดแปลงในหลากหลายรูปแบบ เช่น อบ ทอด หรือเสิร์ฟเป็นแผ่นกรอบ
จุดเด่น: แสดงถึงรากฐานทางชนบทและภูมิภาคเหนือของอิตาลีได้อย่างชัดเจน
14. บิสเต็กก้า ฟิออเรนตินา (Bistecca Fiorentina)
นี่คือสเต๊กระดับตำนานจากเมือง ฟลอเรนซ์ แคว้นทัสกานี ทำจากเนื้อวัวสายพันธุ์ชิอานินา (Chianina) ซึ่งมีขนาดใหญ่และคุณภาพสูง หั่นชิ้นหนาอย่างน้อย 3–5 ซม. แล้วนำไปย่างบนไฟแรงโดยไม่ปรุงมาก
เสิร์ฟแบบ มีเดียมแรร์ เพียงโรยเกลือ พริกไทย และราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อยเพื่อคงรสชาติของเนื้อไว้ให้มากที่สุด จานนี้แสดงถึงความเคารพในวัตถุดิบของอิตาเลียนอย่างแท้จริง
จุดเด่น: นิยมกินคู่กับไวน์แดงจากทัสกานี เช่น Chianti เพื่อเพิ่มความหอมละมุน
15. ราวิโอลี่ (Ravioli)
ราวิโอลี่ คือพาสต้าชนิดยัดไส้ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วอิตาลี โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห่อไส้ที่หลากหลาย ตั้งแต่ชีสริคอตต้า ผักโขม เนื้อบด ไปจนถึงฟักทอง
สูตรดั้งเดิมในแคว้นต่างๆ จะมีไส้เฉพาะตัว เช่น ราวิโอลี่ ดิ คาปรี (จากเกาะคาปรี) ที่ยัดไส้มะเขือเทศและชีส หรือ ราวิโอลี่ อัล บูรโร อี ซัลเวีย ที่คลุกเนยและใบเซจหอมๆ
จุดเด่น: เป็นเมนูแห่งครอบครัว เพราะการทำราวิโอลี่มักเป็นกิจกรรมที่สมาชิกในบ้านช่วยกันทำในวันพิเศษ
16. คาสิโอเอเปเป้ (Cacio e Pepe)
หากจะพูดถึงความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึกในอาหารอิตาลี คาสิโอเอเปเป้ คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ชื่อของเมนูนี้แปลตรงตัวว่า “ชีสกับพริกไทย” โดยวัตถุดิบหลักมีเพียงแค่ พาสต้า (มักใช้เส้นทอนนาเรลลี), ชีส Pecorino Romano, พริกไทยดำ และน้ำจากการต้มเส้น
แม้จะดูง่าย แต่การทำให้ได้ซอสที่ข้นเนียน ไม่จับตัวเป็นก้อน คือศิลปะที่ต้องใช้ทักษะสูง ถือกำเนิดจากโรม และมักถูกยกให้เป็นจานทดสอบฝีมือเชฟ เพราะต้องควบคุมอุณหภูมิและจังหวะอย่างแม่นยำ
จุดเด่น: เผ็ดนิด เค็มหน่อย ชีสหอมมันในแบบที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
17. อารันชินี (Arancini)
อารันชินี คือข้าวปั้นสอดไส้ชีสหรือซอสเนื้อ คลุกเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอดจนกรอบ มีต้นกำเนิดจากเกาะซิซิลี คำว่า “Arancini” แปลว่า “ส้มลูกเล็ก” เพราะรูปร่างกลมและสีเหลืองทองหลังทอดคล้ายผลส้ม
ไส้ดั้งเดิมคือ ชีสโมซซาเรลล่า, รากู (ซอสเนื้อ), ถั่วลันเตา และมักเปลี่ยนไปตามท้องถิ่น เช่น บางแห่งใส่แฮม หรือผสมหมึกดำของปลาหมึก เป็นอาหารว่างที่นิยมมากในภาคใต้ของอิตาลี
จุดเด่น: ขายทั่วไปในร้านข้างทาง เป็นของกินที่ทั้งอิ่ม อร่อย และพกพาง่าย
18. รีซอตโต้ (Risotto)
รีซอตโต้เป็นอาหารจานข้าวสัญชาติอิตาลีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้พาสต้า ใช้ข้าวชนิดพิเศษที่มีแป้งสูง เช่น Arborio หรือ Carnaroli นำมาผัดกับหัวหอม น้ำซุป และไวน์ขาว จากนั้นเคี่ยวช้าๆ จนข้นโดยไม่ใส่น้ำมากเหมือนข้าวต้ม
ต้นกำเนิดของรีซอตโต้คือแคว้นลอมบาร์ดี โดยเฉพาะเมืองมิลาน ซึ่งมีเมนูชื่อดังอย่าง Risotto alla Milanese ที่ใช้หญ้าฝรั่น (Saffron) ให้สีเหลืองทองและกลิ่นหอมเฉพาะตัว
จุดเด่น: รสชาติเนียนนุ่ม เข้มข้น มีหลากหลายรส เช่น ซีฟู้ด เห็ด ไก่ หรือผักตามฤดูกาล
19. ฟอกาเซีย (Focaccia)
ฟอกาเซีย เป็นขนมปังแผ่นหนาอบจากแป้งที่คล้ายกับพิซซ่าแต่เนื้อแน่นกว่า มักโรยหน้าด้วย น้ำมันมะกอก โรสแมรี่ เกลือทะเล หรือเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่ หัวหอม หรือชีส
ต้นกำเนิดอยู่ที่ แคว้นลิกูเรีย เมืองเจนัว โดยในอดีตเป็นอาหารของชาวเรือที่ต้องการขนมปังเก็บไว้ได้นาน ปัจจุบันนิยมกินเป็นของว่าง อาหารเช้า หรือเสิร์ฟเคียงกับซุปและสลัด
จุดเด่น: ฟอกาเซียบางสูตรอบในถาดน้ำมันเพื่อให้ด้านล่างกรอบและหอมมากยิ่งขึ้น
20. สปาเก็ตติ อัลเล วองโกเล่ (Spaghetti alle Vongole)
หนึ่งในจานพาสต้าทะเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี Spaghetti alle Vongole คือ พาสต้าผัดกับ หอยลายสด กระเทียม พริก น้ำมันมะกอก และไวน์ขาว บางสูตรอาจเติมพาสลีย์และน้ำเลมอนเพื่อเพิ่มความสดชื่น
ต้นกำเนิดของเมนูนี้มาจากชายฝั่งอามาลฟีและเมืองเนเปิลส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดทะเล เมนูนี้จึงเน้นความสดของวัตถุดิบจากท้องทะเลเป็นหลัก โดยไม่ใช้ชีส เพื่อไม่ให้กลบรสหอย
จุดเด่น: รสชาติสะอาด เค็มธรรมชาติ หอมไวน์ และกลมกล่อมแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน