โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติและสถานที่น่าทึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางสถานที่ที่ความงดงามนั้นแฝงไปด้วยอันตรายอย่างถึงขีดสุด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “10 สถานที่อันตรายที่สุดในโลก” ที่น้อยคนนักจะกล้าเหยียบย่างเข้าไป
1. เกาะงูคลั่ง (Ilha da Queimada Grande) – บราซิล
หนึ่งในสถานที่อันตรายที่สุดในโลก ที่ไม่มีใครกล้าย่างกราย
กลางมหาสมุทรแอตแลนติกของบราซิล มีเกาะแห่งหนึ่งที่ไม่ต้อนรับแขก และไม่ใช่เพราะเจ้าของบ้านไม่เป็นมิตร…แต่เพราะ “เจ้าของเกาะตัวจริง” คือฝูงงูพิษที่ดุร้ายที่สุดในโลก! Ilha da Queimada Grande หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “Snake Island” เป็นบ้านของ “งูหัวหอกทองคำ” (Golden Lancehead Pit Viper) งูพิษชนิดหายากที่ไม่มีอยู่ที่ไหนในโลกนอกจากเกาะนี้เท่านั้น
ขอบคุณภาพจาก : ladbible
ทำไมเกาะนี้ถึงอันตราย?
งูหัวหอกทองคำมีพิษร้ายแรงจนสามารถละลายเนื้อเยื่อของเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในอดีตเกาะนี้เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ แต่เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น งูที่ติดอยู่บนเกาะต้องวิวัฒนาการให้รุนแรงขึ้นเพื่อความอยู่รอด
ขอบคุณภาพจาก : Otávio Marques/Courtesy Instituto Butantan
แม้จะเป็นสถานที่ศึกษาสำหรับนักวิทยาศาสตร์ แต่ รัฐบาลบราซิลก็สั่งห้ามเข้าเกาะโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะมีใบอนุญาตพิเศษพร้อมเจ้าหน้าที่คุ้มกัน เพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิต
2. เกาะเซนติเนลเหนือ (North Sentinel Island) – อินเดีย
เกาะปริศนาแห่งอันดามัน ที่มนุษย์ไม่อาจล่วงล้ำ
ในยุคที่ทุกมุมโลกแทบไม่มีที่ใดที่ Google Maps หาไม่เจอ เกาะเซนติเนลเหนือยังคงเป็นดินแดนลี้ลับแห่งหนึ่งใน “สถานที่อันตรายที่สุดในโลก” ชนเผ่าพื้นเมืองบนเกาะนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์สุดท้ายที่แยกตัวจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง พวกเขายังดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม ไม่ยอมรับอารยธรรม และไม่ลังเลที่จะปกป้องดินแดนด้วยอาวุธ
ใครเข้าไป…อาจไม่ได้กลับออกมา
นักสำรวจหลายรายเคยพยายามติดต่อกับชนเผ่าเซนติเนล แต่ถูกโจมตีด้วยธนูทันที หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญคือการเสียชีวิตของมิชชันนารีชาวอเมริกันที่ลอบขึ้นเกาะในปี 2018
ขอบคุณภาพจาก : medium.com/@joyan
เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อผู้เข้าไปและชนเผ่า รัฐบาลอินเดียจึงประกาศให้เกาะนี้เป็นพื้นที่ห้ามเข้า และไม่มีการศึกษาหรือสัมผัสใด ๆ กับกลุ่มคนบนเกาะอีกเลย
3. แอ่งดานาคิล (Danakil Depression) – เอธิโอเปีย
ภูมิประเทศสุดโหดบนโลก ที่นักผจญภัยตัวจริงเท่านั้นจะเข้าใจ
แอ่งดานาคิลในเอธิโอเปียเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดูราวกับไม่ได้อยู่บนโลก ด้วยภูมิประเทศสีสันแปลกตาเหมือนภาพวาดไซไฟ ทว่าความสวยงามนี้แฝงไว้ด้วยอันตรายทุกย่างก้าว
ความร้อนระดับขุมนรก
ที่นี่คือหนึ่งในสถานที่ร้อนที่สุดในโลก อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 50°C และมีทั้งทะเลเกลือ บ่อกรดกำมะถันที่มี pH ใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ และกลิ่นกำมะถันที่รุนแรงจนสามารถกัดกร่อนปอดได้ในเวลาอันสั้น
การเดินทางเข้าไปต้องอาศัยไกด์ท้องถิ่นผู้ชำนาญและการเตรียมพร้อมที่เข้มงวด หากผิดพลาดอาจไม่สามารถเดินออกมาได้เลย
4. สระปีศาจ (Devil’s Pool) – น้ำตกวิกตอเรีย, แซมเบีย
สวรรค์ของนักท้าความตาย กับสระน้ำริมเหวนรก
จะมีที่ไหนในโลกที่คุณสามารถว่ายน้ำอยู่ห่างจากหน้าผาน้ำตก 100 เมตรได้เพียงไม่กี่นิ้ว? คำตอบคือ Devil’s Pool ที่ประเทศแซมเบีย สระน้ำธรรมชาติที่ตั้งอยู่ขอบหน้าผาของน้ำตกวิกตอเรีย หนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดในโลก
ความงามที่พร้อมพรากชีวิต
นักท่องเที่ยวที่ว่ายน้ำที่นี่จะถูกพาโดยไกด์เฉพาะช่วงฤดูแล้ง (กันยายน–ธันวาคม) ที่ระดับน้ำต่ำที่สุดเท่านั้น หากฝนตกหนัก น้ำขึ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจพลัดตกลงหน้าผาสูงได้อย่างง่ายดาย และไม่มีโอกาสได้ช่วยชีวิต
แม้จะงดงามและน่าตื่นเต้น แต่สระปีศาจก็ยังติดอันดับ “สถานที่อันตรายที่สุดในโลก” เพราะชีวิตคุณอยู่ห่างความตายแค่เพียงฝ่ามือเดียว
5. ทะเลสาบนาตรอน (Lake Natron) – แทนซาเนีย
ทะเลสาบที่สามารถแช่แข็งชีวิตไว้ตลอดกาล
ถ้าคุณเห็นภาพนกหรือสัตว์เล็ก ๆ กลายเป็นก้อนหินอยู่ริมทะเลสาบ ไม่ต้องตกใจ…นี่ไม่ใช่เวทมนตร์จากเทพนิยาย แต่คือผลลัพธ์จากเคมีอันรุนแรงของ “ทะเลสาบนาตรอน” แห่งแทนซาเนีย
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อันตรายอย่างเหลือเชื่อ
ทะเลสาบนาตรอนมีความเป็นด่างสูงมาก (pH 9–10.5) จากสารโซเดียมคาร์บอเนต ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถทำให้ร่างกายสัตว์แข็งตัวคล้ายถูกสตัฟฟ์ไว้ นักวิทยาศาสตร์พบว่านกที่บินลงไปในน้ำจะถูกกัดกร่อนทันที และบางครั้งกลายเป็นรูปปั้นหินจากสารตกค้าง
ขอบคุณภาพจาก : tanzania-specialist
แม้จะมีนกฟลามิงโกบางชนิดที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบ ๆ ได้ แต่สำหรับมนุษย์แล้ว นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรเสี่ยงเข้าใกล้หากไม่มีความจำเป็น
6. ถนนยุงกัส (Yungas Road) – โบลิเวีย
ถนนแห่งความตาย ที่แม้แต่ลมหายใจก็ยังต้องระวัง
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเมื่อถนนเส้นนี้ได้รับสมญานามว่า “ถนนที่อันตรายที่สุดในโลก” เพราะตลอดระยะทางกว่า 60 กิโลเมตรจากลาปาซสู่โคโรอิโก ถนนยุงกัสทอดตัวเลียบหน้าผาสูงชันที่ไร้ราวกันตก โดยมีหน้าผาลึกกว่า 600 เมตรเพียงไม่กี่นิ้วจากล้อรถ
ทำไมคนยังกล้ามา?
แม้จะมีชื่อเสียงเรื่องความอันตราย แต่ก็กลายเป็นเส้นทางยอดฮิตของนักปั่นจักรยานจากทั่วโลกที่อยากสัมผัส “รสชาติของความเสี่ยง” อย่างแท้จริง บางวันมีหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายทางข้างหน้า ขณะเดียวกัน เส้นทางก็ยังคงเปิดใช้งานในบางจุดสำหรับคนในท้องถิ่น
ขอบคุณภาพจาก : catch-the-wind
7. ประตูนรก (Door to Hell) – เติร์กเมนิสถาน
หลุมไฟนิรันดร์กลางทะเลทราย ที่เผาไหม้มาตลอด 50 ปี
กลางทะเลทรายคาราคูมของเติร์กเมนิสถาน มีหลุมแก๊สขนาดยักษ์ที่ลุกไหม้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันดับ จุดเริ่มต้นเกิดจากความผิดพลาดในการขุดเจาะของวิศวกรโซเวียตในปี 1971 ที่พบน้ำมันแต่ดันทะลุโพรงก๊าซมีเทนเข้าเสียก่อน
จากการควบคุม…สู่ความไม่สามารถดับได้
วิศวกรคาดว่าจะใช้เวลาไม่กี่วันให้ก๊าซหมด จึงจุดไฟเผาก๊าซเพื่อความปลอดภัย แต่ไฟกลับลุกต่อเนื่องมานานกว่า 50 ปี จนชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า “ประตูนรก” เพราะดูราวกับโลกใต้พิภพเปิดเผยต่อสายตาโลก
แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตา แต่ความร้อนที่แผ่ออกมาสามารถทำให้เกิดลมร้อนระดับที่ทำลายกล้องถ่ายรูป และการเข้าใกล้เกินไปอาจทำให้สูญเสียการทรงตัวตกลงไปในหลุมได้อย่างไม่รู้ตัว
8. ภูเขาโหดอันดับหนึ่ง (K2) – ปากีสถาน
ความงามอันเยือกเย็นที่ไม่ยอมใครง่าย ๆ
ในขณะที่หลายคนฝันถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ K2 คืออีกชื่อหนึ่งที่นักปีนเขาต้องสั่นสะท้าน เพราะมันคือยอดเขาที่ โหดที่สุดในโลก ด้วยความสูง 8,611 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล K2 ไม่ได้สูงที่สุด…แต่กลับคร่าชีวิตนักปีนไปมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
สถิติการตายที่ไม่ธรรมดา
จากผู้ที่พยายามพิชิต K2 มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 1 ใน 4 คน โดยเฉพาะช่วง “Bottleneck” ที่นักปีนต้องลอดใต้ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ซึ่งพร้อมจะถล่มได้ทุกเมื่อ บวกกับพายุที่พัดรุนแรงกว่าที่อื่น และไม่มีเส้นทาง “ช่วยชีวิต” ให้ย้อนกลับง่าย ๆ
ขอบคุณภาพจาก : beautifulworld
ใครก็ตามที่คิดจะขึ้นไป ต้องพร้อมรับความเสี่ยงที่ชีวิตอาจไม่กลับลงมาอีกเลย
9. หมู่เกาะมาร์แชล (Bikini Atoll) – มหาสมุทรแปซิฟิก
เกาะสวรรค์ที่กลายเป็นฝันร้ายเพราะมนุษย์
ชื่อ “Bikini” อาจฟังดูเหมือนชายหาดแสนหวานในวันหยุด แต่ที่จริงแล้วมันคือหนึ่งใน สถานที่อันตรายที่สุดในโลก จากผลของการทดลองนิวเคลียร์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้หมู่เกาะแห่งนี้เป็นสนามทดลองระเบิดนิวเคลียร์มากกว่า 20 ครั้งระหว่างปี 1946–1958
รังสีที่ยังคงหลงเหลือ
แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี แต่สารกัมมันตรังสียังไม่สลายจนหมด สภาพดิน น้ำ และสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ยังมีค่ารังสีที่สูงกว่าปกติ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกมาก ปัจจุบัน หมู่บ้านที่เคยมีชีวิตชีวากลายเป็นเมืองร้าง และยังคงไม่มีการอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานถาวรอีกเลย
ขอบคุณภาพจาก : theguardian
10. ทะเลสาบคีวู (Lake Kivu) – รวันดาและคองโก
ระเบิดเวลาแห่งแอฟริกากลางที่ไม่มีเสียงนาฬิกาเดิน
ดูเผิน ๆ ทะเลสาบคีวูอาจเป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบในแอฟริกากลาง แต่ใต้น้ำที่ดูสงบนั้นกลับซ่อน ก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาล จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ภูเขาไฟก๊าซ”
ความตายที่ไม่มีเปลวไฟ
ทะเลสาบคีวูมีความเสี่ยงต่อปรากฏการณ์ “limnic eruption” ซึ่งจะปลดปล่อยก๊าซพิษจำนวนมากออกมาในเวลาเดียว ทำให้อากาศในพื้นที่รอบทะเลสาบขาดออกซิเจน และอาจทำให้คนและสัตว์เสียชีวิตได้อย่างเงียบงัน
ขอบคุณภาพจาก : gorilla-memories
ตัวอย่างที่ใกล้เคียงกันคือเหตุการณ์ที่ทะเลสาบไนออสในแคเมอรูนในปี 1986 ที่ก๊าซ CO2 ระเบิดขึ้นมาคร่าชีวิตคนไปกว่า 1,700 รายในคืนเดียว
สรุป
สถานที่ทั้ง 10 แห่งนี้ไม่เพียงแต่ติดอันดับ สถานที่อันตรายที่สุดในโลก เท่านั้น แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของธรรมชาติ และผลกระทบจากฝีมือมนุษย์ที่เปลี่ยนสวรรค์ให้กลายเป็นนรก การเดินทางอาจคือการเปิดโลก…แต่บางครั้ง “การรู้จักพอ” ก็อาจคือการรอดชีวิต