อลาสก้า 21 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม พ.ศ.2566

อลาสก้า 21 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม พ.ศ.2566

21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 1 : กรุงเทพ – ไทเป (Taipei) – ซีแอตเทิล (Seattle)

• 12.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบิน Eva Air เจ้าหน้าที่จากบริษัท ฯ จะคอยต้อนรับและอํานวยความสะดวกให้ท่านก่อนขึ้นเครื่อง
• 15.10 น. เดินทางสู่ ไทเป (Taipei) ด้วยไฟลต์บิน BR 76 สายการบิน Eva Air ให้ท่านได้เพลิดเพลิน กับอาหารสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 3 ชั่วโมง 50 นาที)
• 20.00 น. เดินทางถึง สนามบินเถาหยวน กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน
• พักเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 40 นาที
• 23.40 น. เดินทางสู่ ซีแอตเทิล (Seattle) ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยไฟลต์บิน BR 26 สายการบิน Eva Air ให้ท่านได้เพลิดเพลิน กับอาหารสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 10 นาที)

21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 2 : ซีแอตเทิล (Seattle) – แองเคอเรค (Anchorage)

• **เราข้ามเส้น Time Zone ทำให้เรายังอยู่ในวันเดิม**
• 19.50 น. เดินทางถึง ซีแอตเทิล (Seattle) สหรัฐอเมริกา ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง พาท่านดำเนินการผ่านมาตรการขั้นตอนต่างๆ ของสนามบิน Seattle-Tacoma International Airport (SEA)
• นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
• ที่พัก โรงแรม Crowne Plaza Seattle-Downtown, an IHG Hotel

ซีแอตเทิล (Seattle)

22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 3 : ซีแอตเทิล (Seattle)

• รับประทานอาหารภายในที่พัก
• เมืองซีแอตเทิล (Seattle) เมืองท่าชายฝั่งในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแปซิกฟิคตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดอันดับที่ 4 ของอเมริกา เป็นเมืองที่ยอมรับในความแตกต่างอย่างหลากหลาย มีอากาศที่ดีตลอดทั้งปี และเป็นเมืองที่คนนิยมมาเรียนต่อมากที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา เป็นเมืองแห่งการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จึงเป็นที่ตั้งของสำนักงานหลักของแบรนด์ดังๆ ระดับโลกหลายแบรนด์ เช่น Microsoft, Getty Images, Amazon, Nintendo, Starbucks ซึ่งถือเป็นเมืองต้นกำเนิดของกาแฟเงือกน้อย
• สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำภายในเขตเมืองซีแอทเทิล
  • ตลาด Pike Place เริ่มต้นมาจากการเป็น Farmer market หรือตลาดที่ผู้ผลิตนำของมาขายสู่ผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง ดังนั้นสินค้าหลักๆของที่นี่ก็คือสินค้าอุปโภคบริโภคจากท้องถิ่นเช่น ปลา อาหารทะเล ผักผลไม้และดอกไม้
  • Starbucks Reserve Roastery เป็น Starbucks ร้านแรกของโลก ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Pike market
  • Museum of Flight หนึ่งในพิพิธภัณฑ์การบินที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา มีเครื่องบินแบบต่างๆให้ศึกษามากที่สุด ทั้งเครื่องบินพาณิชย์หรือเครื่องบินรบ โดยเฉพาะเครื่องบินในตระกูลของ Boeing
  • รับประทานอาหารเที่ยง
• 17.00 น. เดินทางสู่สนามบินซีแอตเทิล
• รับประทานอาหารเย็นภายในสนามบิน (ตามอัธยาศัย)
• 20.15 น. เดินทางสู่เมือง แองเคอเรค (Anchorage) ด้วยสายการบิน Alaska Airlines ไฟลต์บิน AS 229 เครื่องบินแบบ Boeing 737-900 (ระยะเวลาบิน 3 ชั่วโมง 40 นาที)
• 22.52 น. เดินทางถึง สนามบิน Ted Stevens Anchorage International Airport
• นำท่านเข้าสู่ที่พัก
• ที่พัก โรงแรม Aspen Suite Anchorage

Lake Washington

23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 4 : แองเคอเรค (Anchorage)

• รับประทานอาหารเช้า
• 09.00 ขึ้นรถออกเดินทางสู่ เมือง Whittier (ระยะทางในการขับรถวันนี้ประมาณ 100 กิโลเมตร)
• เมืองแองเคอเรจ (Anchorage) เมืองขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐ เดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะใกล้ชายฝั่งทะเล เลือกซื้อของที่ระลึก (รัฐอลาสก้าไม่มีการเก็บภาษีเมื่อซื้อของ) ตามร้านค้าต่างๆ ได้โดยในช่วงฤดูร้อนท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศมีชีวิตชีวาของเมือง
• ชม จุดถ่ายภาพต่างๆระหว่างทาง
• นั่งรถรางขึ้นภูเขา Alyeska อันงดงามในเกิร์ดวูด พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของ Turnagain Arm และ Glacier Valley
• อาหารกลางวัน Bore Tide Deli ที่ Alyeska Resort
• เข้าชม ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งอลาสก้า (Alaska Wildlife Conservation Center) เมือง เกิร์ดวู้ด (Girdwood) ศูนย์อนุรักษ์และช่วยเหลือสัตว์ป่ากลางแจ้งที่ดูแลสัตว์นานาชนิด ท่านจะได้สัมผัสกับสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ อลาสก้าอย่างใกล้ชิดในสภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นหมี บิซอน กวางมูส เอลค์ สุนัขจิ้งจอก
• 16.00 น. เช็คอินเรือ
• 20.00 น. เรือเริ่มออกเดินทางสู่อลาสก้า
• รับประทานอาหารเย็นบนเรือ
• เรือสำราญ เรือสำราญ Holland America Line ห้องพักชนิด Verandah มีระเบียง ขนาดห้องพักประมาณ 213 – 379 ตร.ฟุต เตียงด้านล่างสองเตียงปรับเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ได้ เตียง Mariner’s Dream™ อันเป็นเอกลักษณ์ของเราพร้อมที่นอน Euro-Top หนานุ่ม หัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก

1. บริการทำความสะอาดทุกวัน
2. บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง
3. ฟรี Elemis Aromapure สบู่ โลชั่น แชมพู
4. เสื้อคลุมอาบน้ำสุดหรู
5. ไดร์เป่าผม กระจกแต่งหน้า
6. พื้นที่เก็บของ
7. ผลไม้สดตามคำขอ
8. ตู้เซฟ
9. บริการน้ำแข็ง
10. ขัดรองเท้า
11. ทีวีพร้อมภาพยนตร์ออนดีมานด์ การเขียนโปรแกรม

ภาพรวมล่องเรือสำราญ Holland America Cruise Line 

Holland America Line เป็นสายการเดินเรือที่มีประวัติย้อนหลังไปถึงปี 1873 บริษัทดำเนินการกองเรือระดับพรีเมียมที่แล่นไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลก รวมถึงอลาสก้า แคริบเบียน ยุโรป และเอเชีย เรือของ Holland America มีสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมมากมาย เช่น ร้านอาหารหลายแห่ง สถานบันเทิง และอุปกรณ์ออกกำลังกาย บริษัทยังมีบริการท่องเที่ยวทางบกและทัวร์ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการล่องเรือ ซึ่งช่วยให้แขกได้สำรวจจุดหมายปลายทางในเชิงลึก

เรือสำราญ Nieuw Amsterdam ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างดีเยี่ยม มีบาร์ สถานบันเทิงและร้านอาหารชั้นเลิศ รวมถึงห้องสวีทที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพลิดเพลินกับความบันเทิงสดด้วย Music Walk™ รวมถึง Lincoln Center Stage, B.B. King’s Blues Club และ Billboard Onboard ดื่มด่ำกับการล่องเรือของคุณด้วยการสาธิตการทำอาหารระดับภูมิภาคและการชิมอาหารและไวน์ด้วย Port to Table เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางของคุณที่ Exploration Central ใหม่บนเรือ

• จำนวนผู้โดยสาร 2,106 คน ลูกเรือ 936 คน
• ความยาว 285 เมตร ความกว้าง 32 เมตร ความสูง  11 ชั้น

กิจกรรมออนบอร์ด (รวมในแพคเกจหลัก)

ในแต่ละวันบนเรือมีทางเลือกในการรับประทานอาหารรสเลิศ ความบันเทิงระดับโลก และกิจกรรมมากมาย เช่น Lincoln Center Stage, B.B. King’s Blues Club, BBC Earth in Concert, Exploration Central, World Stage, Club Hal และ Fitness

สปา Greenhouse Spa & Salon (มีค่าใช้จ่าย)

ในช่วงวันสบายๆ ในทะเล มีสถานที่ไม่กี่แห่งที่ช่วยให้คุณสดชื่น ผ่อนคลาย และคืนความกระปรี้กระเปร่าเหมือน Greenhouse Spa & Salon® สถานที่พักผ่อนบนสวรรค์แห่งนี้หล่อเลี้ยงความเป็นอยู่ที่ดีของคุณในทุกด้านด้วยพิธีกรรมสปาที่มีชื่อเสียงและการบำบัด ในสปา ปรนนิบัติผิวของคุณด้วยทรีตเมนต์ผิวหน้าที่มีส่วนผสมระดับพรีเมียมที่มาจากธรรมชาติ บำรุงร่างกายของคุณด้วยการนวดบำบัดโดยใช้เทคนิคการนวดที่สั่งสมมาอย่างยาวนานซึ่งรวบรวมมาจากทั่วโลก

Casino Action (มีค่าใช้จ่าย)

คาสิโนของเรือ Holland America Line ของคุณมีตัวเลือกการเล่นเกมที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะชอบสล็อตแมชชีนหรืออยากลองเล่นแบล็คแจ็คหรือโป๊กเกอร์ ตัวแทนจำหน่ายและพนักงานของเราพร้อมให้คำแนะนำฟรี — และเรามีตัวเลือกทัวร์นาเมนต์ที่น่าสนใจมากมาย คาสิโนเปิดให้บริการในทะเลเท่านั้น

ห้องอาหารที่รวมในแพคเกจหลัก

• The Dining Room สำหรับอาหารเช้าสุดหรู อาหารกลางวันแบบสบาย ๆ หรืออาหารค่ำแบบหลายคอร์สที่น่าจดจำ The Dining Room คือจุดหมายปลายทางของคุณ เบื้องหลังนั้น Culinary Council ซึ่งเป็นทีมระดับหัวกะทิที่ประกอบด้วยเชฟชื่อดังระดับโลก 7 คน และเชฟระดับบริหารที่มีพรสวรรค์ของเราได้ทำงานเพื่อนำอาหารแต่ละจานไปสู่ความสมบูรณ์แบบ สำหรับมื้อค่ำ เลือกจากอาหารคลาสสิก เช่น เนื้อซี่โครงแกะไม่มีกระดูก ไก่ย่างโรสแมรี่ รวมถึงอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาคและอาหารมังสวิรัติที่ปรุงอย่างมีศิลปะ เติมเต็มการเดินทางของคุณด้วยไวน์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันโดยภัณฑารักษ์ไวน์ James Suckling นักวิจารณ์ไวน์ชื่อดังระดับโลก
• Lido Market สำรวจโลกแห่งความเป็นไปได้ในการทำอาหารที่น่าสนใจในตลาดลิโด เพียงไม่กี่ก้าวจากลิโดพูล ตลาดที่ทันสมัยแห่งนี้มีตัวเลือกความอร่อยที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งคุณสามารถหยิบได้ระหว่างเดินทางหรือตามสั่ง: เขียงหั่นขนมพร้อมขนมปังอบสดใหม่และขนมอบ; Wild Harvest นำเสนอสลัดแสนอร่อยที่คัดสรรมามากมาย โฮมสเตดให้บริการความสะดวกสบายแบบคลาสสิก ดินแดนอันห่างไกล นำเสนออาหารนานาชาติ Sweet Spot สำหรับการสร้างสรรค์ไอศกรีมและของหวาน กระทะย่าง เนื้อแกะสลักด้วยมือ ปลา และอาหารจานหลักอื่นๆ Perk เครื่องดื่มชงสดและน้ำผลไม้แช่เย็น เครื่องดื่มดับร้อน กาแฟพรีเมียม เบียร์ ไวน์ และโซดาพร้อมจำหน่าย Rise คีชรสเผ็ด ครัวซองต์ แซนวิช และอื่นๆ
• 24-Hour room service เพลิดเพลินกับอาหารค่ำก่อนเวลาบนเฉลียงของคุณก่อนการเดินทางท่องเที่ยวในตอนเย็น สั่งสลัด แซนวิช หรืออาหารจานหลักได้ตลอดเวลา รูมเซอร์วิสอยู่ห่างออกไปเพียงโทรศัพท์ ตัวเลือกทั้งหมดจะรวมอยู่ในค่าโดยสารเรือสำราญของคุณ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นในเมนูในห้องพัก
• Dive-in นำเสนออาหารคลาสสิกแบบสบาย ๆ หลากหลายโดยใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงสุด เพลิดเพลินกับเบอร์เกอร์ที่ย่างจนสุกพอดีและเสิร์ฟบนขนมปังบริยอชย่างกับซอสสูตรลับเฉพาะของเรา ลิ้มรสฮอทด็อกรสเลิศของนาธานอันเลื่องชื่อพร้อมเฟรนช์ฟรายสีทอง หรือเลือกแซนด์วิชอกไก่ย่างหรือกองเห็ดพอร์ทาเบลล่าฉ่ำๆ Dive-In เป็นจุดที่สมบูรณ์แบบในการรับประทานอาหารริมสระน้ำกับเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดในทะเล

ห้องอาหารที่พิเศษเพิ่มเติม (ไม่รวมในแพคเกจหลัก)

• Pinnacle Grill เป็นสุดยอดร้านสเต็กกลางทะเล ที่ซึ่งเมนูพิเศษและบริการไร้ที่ติทำให้มื้ออาหารที่ดีที่สุดมื้อหนึ่งที่คุณเคยทาน เมนูที่ได้รับการคัดสรรประกอบด้วยสเต็ก USDA Prime แบบเปียกบ่ม 28 วัน ซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อรับประกันคุณภาพที่ดีที่สุด ตลอดจนอาหารสเต็กเฮาส์คลาสสิกและสูตรอาหารสร้างสรรค์จากเชฟผู้ชนะรางวัล James Beard และสมาชิก Culinary Council®, David Burke อาหารทุกจานได้รับการจัดเตรียมอย่างประณีต ชุบอย่างสวยงาม และเสริมด้วยคอลเลกชั่นไวน์ที่ได้รับรางวัลมากมาย ที่นี่ มื้ออาหารของคุณคือเหตุการณ์สำคัญสำหรับตัวมันเอง การเฉลิมฉลองของอาหารรสเลิศและชัยชนะแห่งรสชาติ
• Tamarind ได้รับการยกย่องจาก Condé Nast Traveler สำหรับอาหาร “ที่สามารถแข่งขันกับร้านอาหารชั้นนำบนบกได้” เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการสำรวจประเพณีการทำอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และญี่ปุ่น เมนูที่ให้เกียรติธาตุน้ำ ไม้ ไฟ และดิน นำเสนออาหารแปลกใหม่ เช่น กุ้งล็อบสเตอร์ผัด ปลากะพงขาว (ปลากะพงเอเชีย) ในใบตอง และซูชิ เสิร์ฟพร้อมสาเกแช่เย็นหรืออุ่น และลองชิมซูชิสูตรพิเศษของเราที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยความร่วมมือกับ Andy Matsuda สมาชิก Culinary Council และ Master Sushi Chef
• Canaletto ในอิตาลี ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองความสุขจากอาหารรสเลิศ นี่คือแรงบันดาลใจสำหรับร้านอาหารอิตาเลียนบนเรือของเรา Canaletto เพลิดเพลินกับอาหารอิตาเลียนคลาสสิกที่น่าทึ่ง เช่น ไก่ตุ๋น cacciatore al forno, branzino ai ferri หรือราวิโอลีกุ้งกระเทียม และสำหรับของหวาน: ทีรามิสุ, แคนโนลี อัลลา ซิซิเลียนา, เจลาโต้ และอีกมากมาย รวมถึงพาสต้าที่ทำสดใหม่ทุกวัน เรียกน้ำย่อย!
• Explorations Café นั่งลงบนเก้าอี้นุ่มและโซฟาในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย จิบเครื่องดื่มเอสเปรสโซที่ปรุงอย่างหรูหราและทานขนมอบสดใหม่จากคอฟฟี่บาร์ คุณยังสามารถชมวิวที่สวยงาม อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือท่องเว็บ

24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 5 : ธารน้ำแข็ง Hubbard Glacier

• บริการอาหารมื้อเช้า ณ ภัตตาคารบนเรือ
• วันนี้เชิญท่านสมาชิกพักผ่อนอย่างอิสระกับบริการ และกิจกรรมบันเทิงต่างๆมากมายบนเรืออาทิเช่น
• ห้องบุฟเฟต์นานาชาติ (บริการอาหาร 24 ชั่วโมง) ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ห้องอาหารสไตล์นิวออร์ลิน
• บาร์เครื่องดื่ม บาร์ไอศครีม บาร์กริลล์พิซซ่า, ฮอทด็อก, แฮมเบอร์เกอร์
• ห้องฟังเพลง, ห้องเลาจ์นห้องโชว์และการแสดงที่พรั่งพร้อมด้วยระบบแสง สีเสียง
• โรงภาพยนตร์ห้องคาสิโน ห้องเกมส์ และเครื่องเล่น Simulator
• สระว่ายน้ำ เซาวน่า ห้องนวด ห้องยิม ห้องเสริมสวย
• ร้านค้าปลอดภาษี ร้านสรรพสินค้าและของที่ระลึก
• บริการอาหารมื้อกลางวัน
• บริการอาหารมื้อเย็น

วันนี้เป็นการล่องเรือผ่านธารน้ำแข็ง โดยเรือจะมาถึง ธารน้ำแข็ง Hubbard Glacier ในเวลา 15.00 น. และ จะออกเดินทางต่อในเวลา 18.00 น.

• Hubbard Glacier ตั้งอยู่นอกชายฝั่ง Yakutat ในมลรัฐอะแลสกา เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยมีส่วนหน้าของธารน้ำแข็งกว้างกว่าหกไมล์ แหล่งที่มาหลักแหล่งหนึ่งของธารน้ำแข็งฮับบาร์ดมีต้นกำเนิดจากทะเลลึก 76 ไมล์ เป็นธารน้ำแข็งที่มีการแตกตัวสูงและบ่อยโดยทำให้เกินคลื่นขนาดใหญ่ถึงสองครั้งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งแห่งนี้ตั้งชื่อตามการ์ดิเนอร์ กรีน ฮับบาร์ด ทนายความ นักการเงิน และผู้ใจบุญชาวอเมริกัน เขาเป็นประธานคนแรกของ National Geographic Society

กิจกรรมวันนี้ (กิจกรรมเสริม)

• Excursion by Catamaran (2.5 hours) เปลี่ยนเป็นเรือเล็กเพื่อเข้าชมธารน้ำแข็งได้ขนาดใกล้มากยิ่งขึ้น (แชร์เรือลำใหญ่กับแขกท่านอื่น) ราคาเริ่มต้นท่านละ 299 USD

Hubbard glacier

25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 6 : Glacier Bay National Park

• * * * วันนี้เรือจะเข้าสู่ Glacier Bay National ตั้งแต่เวลา 08.30 น.* * * 
• 07.00 น.เรือเดินทางถึงบริเวณ ธารน้ำแข็ง “กลาเซียร์ เบย์” Glacier Bay วันนี้จะเป็นรายการพิเศษสุด!!!  โดยเฉพาะเรือในเครือ Holland America ที่จะได้สัมปทานเข้าชม บริเวณอุทยานแห่งชาติกลาเซียร์ เบย์ท่านจะได้เห็น “ธารน้ำแข็งยักษ์” ที่จะทำให้ทุกท่านรู้สึกว่าเรือสำราญขนาด หญ่ เล็กลงไปทันทีธารน้ำแข็งที่งดงามยิ่งใหญ่ตระการตา จะนำท่านเข้าใกล้ธารน้ำแข็งที่ไหลมารวมกันบริเวณไหล่เขาที่จับตัวกันเป็นธารน้ำแข็งสีฟา้ครามด้วยแรงดึงดูดของโลกจึงทำให้น้ำแข็งแตกตัวเสียงดังกึกก้องถล่มลงมาเบื้อง หน้าของทุกท่าน แลดูงดงามยิ่งนัก ซึ่งท่านสามารถบันทึกภาพความประทับใจนี้ไว้ด้วยตัวของท่านเอง
• วันนี้จะไม่มีมีการจอดเรือ
• เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน
• บ่าย อิสระกับการพักผ่อนบนเรือ
• 18.30 น. เรือออกเดินทางสู่ เมือง Skagway
• ห้องพักชนิด Verandah

Skagway

26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 7 : เมือง Skagway

• 07.00 น. เรือเดินทางมาถึงเมือง Skagway
• สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจแบบเดียวกับที่ผู้ไล่ล่าตื่นทองทำ เมื่อพวกเขามาถึง Skagway ครั้งแรก โดยตั้งใจที่จะค้นหาโชคลาภของพวกเขา แม้ว่าทองคำจะหายไป แต่ขุมทรัพย์แห่งความรุ่งโรจน์ตามธรรมชาติรอการค้นพบที่นี่ อะดรีนาลีนแห่งการตื่นทองในตำนานของอเมริกายังคงเต้นเป็นจังหวะไปตามถนนของ Skagway โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ Klondike Gold Rush
• Skagway ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ Inside Passage ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามและน่าทึ่งอย่างน่าทึ่ง สำรวจแม่น้ำสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาแซลมอนหนากระโดดข้ามแก่งและชมหมีสีน้ำตาลที่โผล่ออกมาจากที่กำบังของต้นไม้ ป่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ไปไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะที่นกอินทรีหัวล้านเกาะอยู่บนยอดไม้ สำรวจสภาพแวดล้อมจากด้านบน ปลาวาฬว่ายอยู่นอกชายฝั่ง และธารน้ำแข็งก็ดังเอี๊ยดๆ ในอาณาจักรธรรมชาติมหัศจรรย์แห่งนี้
• ชมย่านใจกลางเมืองอันเก่าแก่ ซึ่งผุดขึ้นในช่วงที่สูงตระหง่านของยุคตื่นทองในปี 1890 แนวสันเขาที่ขรุขระซึ่งมียอดหิมะสีขาวอยู่เหนือแนวต้นไม้ที่มีป่าสนสูงตระหง่าน หวนคิดถึงการผจญภัยที่ชวนให้นึกถึงขณะที่คุณนั่งรถไฟที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
• กิจกรรมเสริม (Optional tour)
  • แนะนำ White Pass summit scenic railroad (Wheelchair accessible) เดินทางโดย รถไฟสายไวท์พาสและยูคอนรูต (White Pass and Yukon Railway) ซึ่งเป็นรถไฟสายประวัติศาสตร์ในยุคตื่นทองชื่นชมกับทัศนียภาพตามหุบเขาและธรรมชาติที่งดงามสู่ยอดเขาไวท์พาสซัมมิท นับเป็นประสบการณ์ที่คุณจะมิลืมเลือน (ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายท่านละ 149 USD)
  • Skagway Street car city tour (Wheelchair accessible) ขึ้นรถบัสรุ่นปี 1927 พร้อมคนขับที่แต่งกายด้วยชุดคอสตูม เอนหลังและผ่อนคลายในขณะที่ท่านร่วมรับฟังประวัติศาสตร์หนึ่งศตวรรษ เรื่องราวเบื้องหลัง และเรื่องราวชีวิตในเมืองเล็กๆ ในอลาสก้า สัมผัสบรรยากาศริมน้ำและเขตประวัติศาสตร์อุทยานแห่งชาติ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงามจากจุดชมวิว ขับรถผ่านย่านที่อยู่อาศัยของสแคกเวย์ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องสวนดอกไม้ และผ่านบ้านในวัยเด็กของอดีตผู้ว่าการรัฐอลาสกา ซาราห์ พาลิน (ระยะเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายท่านละ 49 USD)
  • Gold panning & Alaska sled dog
  • Food science
  • Glacier Discovery by Helicopter
• ห้องพักชนิด Verandah
• หมายเหตุ สำหรับท่านที่กลับขึ้นไปเดินเล่นบนฝั่งท่านจะต้องกลับมาขึ้นเรืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเรือออกจากท่า
• 21.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองจูโน (Juneau)

Skagway

27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 8 : เมืองจูโน (Juneau)

• เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ภัตตาคารบนเรือสำราญ
• 08.00 น. เรือเข้าเทียบท่าที่ “เมืองจูโน” (Juneau) เมืองหลวงของมลรัฐอลาสก้า ที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงาม ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน จูโน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาและทะเล ทำให้เป็นเมืองที่เข้าถึงได้ยากในทางบกถูกค้นพบในช่วงยุคตื่นทองปี ค.ศ.1880 ในอดีตเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการค้าทองอันมั่งคั่งก่อนจะกลายเป็นเมืองหลวงของมลรัฐอลาสก้าในเวลาต่อมา นอกจากนี้ “จูโน” ยังเป็นเมืองที่มี “ธารน้ำแข็ง” มากที่สุดแห่งหนึ่งของอลาสก้า ที่สำคัญได้แก่ “ธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์” Mendenhall Glacier ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ขึ้นชื่อว่า “สวยที่สุด” แห่งหนึ่งเท่าที่ค้นพบกันมา
• เดินเที่ยวชมเมือง หรือท่านสามารถเลือกซื้อ Optional Tour อาทิเช่น
  • แนะนำ Mount Roberts Tramway (1.50 Hours) นั่งรถรางขึ้นสู่ยอดเขา Mount Robert ที่ระดับความสูง 1,800 ฟุต ชมวิวทิวทัศน์จากด้านบน (ราคาประมาณท่านละ 45 USD)
  • แนะนำ Mendenhall Glacier and Glacier Garden (2 – 3 Hours) นำท่านสมาชิกชมธรรมชาติของธารน้ำแข็งเมนเดลฮอลล์ ที่งามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทัศนียภาพอันแสนมหัศจรรย์ ยากแก่การได้มาสัมผัส เดินทางโดยรถยนต์ไปยังจุดชมวิว หลังจากนั้นนำท่านเที่ยวชม Glacier Gardens ตื่นตาตื่นใจไปกับความหลากหลายของป่าดิบชื้น ชมสวนอะแลสกาที่ไม่เหมือนใครซึ่งมี ‘ต้นไม้กลับหัว’ (Upside-down tree) สูงตระหง่านปกคลุมด้วยดอกไม้ที่ปลูกไว้ (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 99 USD)
  • Mendenhall Glacier & Salmon Hatchery (2 Hours) นำท่านสมาชิกเข้าเยี่ยมชมสถานเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาแซลมอนเรียนรู้วงจรชีวิตของปลาแซลมอนที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งนักจากนั้นให้ท่านสมาชิกเดินชมธารน้ำแข็งเมนเดลฮอลล์ธารน้ำแข็งที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดเหนือคำบรรยาย (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 75 USD)
  • Mendenhall Glacier Helicopter (2.25 Hours) นำท่านสมาชิกชมธรรมชาติของธารน้ำแข็งเมนเดลฮอลล์ ที่งามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทัศนียภาพอันแสนมหัศจรรย์ ยากแก่การได้มาสัมผัส จากนั้นท่านจะมีโอกาสได้ลงเดินบนธารน้ำแข็งโดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำทาง (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 399 USD)
  • Salmon fishing
  • Five Glacier Seaplane Exploration
  • Helicopter Landing
  • Gold Mine exploration
• เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารบนเรือ (หรือรับประทานภายในเมือง ชำระเพิ่มเติม)
• อิสระ ให้ท่านเดินเล่นภายใน ตัวเมืองจูโน (Historic Downtown Juneau) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเมืองท่าและเมืองหลวงที่สำคัญของมลรัฐอลาสก้า เป็นเมืองหลวงที่ต้องเดินทางเข้าด้วยเรือตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณตีนเขาที่ตั้งตระหง่านสูงถึง 4,000 ฟุต ถ้าไปเยือนในช่วงต้นๆของฤดูกาลล่องเรือสำราญ ท่านจะได้เห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำตกอันสวยงาม เมืองจูโน่ ถูกก่อตั้งขึ้นในยุคตื่นทองอลาสก้า ดังนั้นที่นี่จึงมีตึกรามบ้านช่องประวัติศาสตร์มากมาย และเปี่ยมไปด้วยสีสันสดใส สถานที่น่าสนใจภายในตัวเมืองมีดังนี้
  • Alaska State Museum พิพิธภัณฑ์รัฐอะแลสกา สัมผัสประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของภูมิภาคต่างๆ ที่หลากหลายของอะแลสกาผ่านนิทรรศการถาวรที่กว้างขวางซึ่งเสริมด้วยการจัดแสดงที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
  • Sealaska Heritage Institute Arts Campus สถานที่ที่ชาวพื้นเมืองบอกเล่าเรื่องราวของชาวพื้นเมือง ชมบ้านจำลองที่สร้างให้เราเห็นภาพของบ้านคนท้องถิ่นในอดีต ฟังเรื่องราวโบราณ และสำรวจนิทรรศการที่แบ่งปันความรู้เกี่ยวกับอลาสก้าตะวันออกเฉียงใต้ผ่านมุมมองของชนพื้นเมือง
• หมายเหตุ สำหรับท่านที่กลับขึ้นไปเดินเล่นบนฝั่งท่านจะต้องกลับมาขึ้นเรืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเรือออกจากท่า
• ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ
• 22.00 น. เรือออกเดินทางสู่เมือง เค็ทชิแคน (Ketchikan)
• ห้องพักชนิด Veranda

Juneau

28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 9 : เค็ทชิแคน (Ketchikan)

• 11.00 น. เรือเข้าเทียบท่า เค็ทชิแคน (Ketchikan) เมืองนี้ตั้งอยู่เชิงเขาริมฝั่งแม่น้ำ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์โดยเฉพาะ อย่างยิ่งหมู่บ้านดั้งเดิมของชนพื้นเมืองที่สร้างสรรค์งานศิลปะเสาโทเท็มของอินเดียนแดงเผ่าทลิงกิต
• นำท่านสู่ เค็ทชิแคน”(Ketchikan) ชุมชนแห่งแรกของรัฐอลาสก้า ปัจจุบันจัดเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของรัฐ และเป็นเมืองที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นและต่างชาติว่าเป็น เมืองแห่งเสาแกะสลัก (Totem Poles) ที่มากที่สุดในโลก ในอดีตเสาแกะสลักนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันทางตอนเหนือ และถือเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาที่พวกเขาให้ความเคารพ แต่ต่อมาในยุคที่มีการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ เกิดความเข้าใจผิดทำให้คนส่วนใหญ่เผาเสาเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเสาแกะสลักนี้เปรียบเสมือนบิลบอร์ดหรือสัญลักษณ์ที่ใช้เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาต่างๆ ในอดีต
• เค็ทชิแคน (Ketchikan) เคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแซลมอน ในอดีตเมืองนี้ถูกจัดให้เป็นเมืองแห่งสวรรค์ของนักตกปลาและกลุ่มคนที่ชื่นชอบธรรมชาติทำให้ในช่วงฤดูร้อนเมืองนี้จะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จนส่งผลให้ปริมาณปลาแซลมอน ลดลงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งพื้นที่ของป่าไม้ก็ลดลงเนื่องจากประชากรท้องถิ่นทำการตัดไม้เพื่อมา สร้างบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี ปัจจุบันทั้งหน่วยงานภาครัฐและประชากรท้องถิ่นต่างพยายามที่จะอนุรักษ์ให้เมืองนี้คงไว้ซึ่งบรรยากาศของเมืองเก่าเฉกเช่นในอดีตเพื่อให้คนรุ่นหลังที่มาเที่ยวเมืองนี้สามารถรับรู้ถึงบรรยากาศในประวัติศาสตร์ได้ไม่มากก็น้อย
• อิสระให้ขึ้นฝั่ง ชมเมืองเคทชิแกน และซื้อของพื้นเมืองตามอัธยาศัย พร้อมเก็บภาพความน่ารักและความสวยงาม ของเมืองเคทชิแกน เค็ทชิแคน (Ketchikan) เป็นเมืองขนาดเล็ก อยู่ในระยะเดินได้ทั้งหมด นำท่านเที่ยวชม ย่านไฟแดงที่โด่งดังในอดีต ครีก สตรีท (Creek Street) เป็นที่ชุมนุมของนักแสวงโชค และนักเดินเรือในยุคตื่นทอง เป็นย่านอาคารเก่าที่ทางเดินและบ้านเรือนสร้างอยู่เหนือลำธารหรือเชิงเขา มีสถานที่ประวัติศาสตร์ “บ้านของดอลลี่” สถานที่หาความสำราญของชายหนุ่มในอดีต สถานที่ท่านสนใจเช่น
  • Tongass Historical Museum
  • Dolly’s House Museum
• เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน
• กิจกรรม Optional tour
  • Totem Bight State Park & Ketchikan Highlights (2.50 Hours)  ท่านจะได้นั่งรถโค้ชชมรอบเมืองเค็ทชิแกน ชมอุทยานโทเท็มไบท์ ศึกษาความเป็นมาของเสาสลักที่มีความหมาย บ่งบอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียม ประเพณี (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 49.95 USD)
  • Misty Fjords & Wilderness Explorer Cruise (4.50 Hours) ท่านจะได้สัมผัสกับการล่องเรือชมมิสตี้ฟยอร์ด ที่แผ่อาณาบริเวณกว่า 2 ล้านเอเคอร์ ชมผาแกรนิตที่งดงาม น้ำตกสูงกว่า 1,000 ฟุต ทะเลสวยใสดังผลึกแก้ว และทะเลหมอกสวยที่ปกคลุมความงาม ของธรรมชาติราวป่าหิมพานต์ในฝัน  (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 219 USD)
  • Neets Bay Bear Watch (3.25 Hours)  เป็นรายการที่ท้าทายและ ค่อนข้างจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติไว้ให้อยู่นานที่สุด ทัวร์เริ่มด้วยการพาท่านนั่งเรือสู่จุดที่สามารถชมหมีสีน้ำตาลและแบล็คแบร์ได้อย่าง ชัดเจน จากนั้นพาท่านสู่ลำธารมาร์การ์เร็ต ซึ่งเป็นที่ที่หมีสีน้ำตาลจะมาดักจับปลาแซลมอนเป็น อาหารนับเป็นความตื่นตาตื่นใจที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม (ราคาผู้ใหญ่ประมาณท่านละ 290 USD)
  • Saxman Native Village dance
  • Ketchikan Salmon Fishing
  • Rain Forest trail
  • Tatoosh Island sea Kayaking
  • Rainforest Sanctuary Walk
  • Hunting for Halibut
• ค่ำ บริการอาหารมื้อเย็น  
• หมายเหตุ สำหรับท่านที่กลับขึ้นไปเดินเล่นบนฝั่งท่านจะต้องกลับมาขึ้นเรืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเรือออกจากท่า
• 19.00 น. เรือออกเดินทางสู่ “เมืองวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา” (Victoria, Canada)
• ห้องพักชนิด Verandah

Ketchikan

29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 10 : Cruise Inside Passage

• สำรวจทิวทัศน์อันสลับซับซ้อนของทิวทัศน์ฤดูหนาวที่น่าตื่นตะลึงที่สุดของอลาสก้า เต็มไปด้วยหิมะและยักษ์ใหญ่น้ำแข็งที่ลื่นไถล
• การล่องเรือชมความงามของอลาสก้าที่ทอดยาวเป็นระยะทาง 500 ไมล์ คือการล่องเรือผ่านงานศิลปะธรรมชาติที่มีชีวิตซึ่งมีภูเขาที่แกะสลักอย่างสวยงามซึ่งพุ่งสูงขึ้นจากแนวชายฝั่ง และหมู่เกาะที่กระจัดกระจายไปทั่วผืนน้ำที่มืดมิดด้วยความใส่ใจในรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน
• ผ่านทางเดินน้ำแข็งอันน่าทึ่ง แมวน้ำท่าเรือที่จับน้ำแข็งก้อนที่ลอยอยู่ หรือก้อนเมฆที่เกาะอยู่ไกลออกไป ร่วมเป็นสักขีพยานในธรรมชาติอันน่าทึ่งและซับซ้อนที่สุดตามแนวชายฝั่งของอะแลสกาแห่งนี้ ที่ซึ่งธารน้ำแข็งส่งเสียงคร่ำครวญและดังเอี๊ยดอย่างไพเราะ ก่อนที่จะปล่อยชั้นน้ำแข็งขนาดมหึมาออกมาตกลงไปในน่านน้ำเบื้องล่างอย่างอิสระ และระเบิดด้วยความโกรธเกรี้ยวและเสียงกระเซ็นของน้ำทะเล
• ห้องพักชนิด Verandah

Inside passage

30 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 11 : แวนคูเวอร์ (Vancouver) – หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler)

• 07.00 น. เรือเทียบท่า ณ ท่าเรือเมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• รับประทานอาหารเช้า ขึ้นรถบัสเตรียมเดินทางไป ยัง หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler) หมู่บ้านที่เคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2010 ระหว่างทางผ่านเทือกเขาคาริบู (Caribou Mountains) สู่เทือกเขา Coastal (ระยะทาง 120 กิโลเมตร) ถนนเส้นนี้เรียกว่า Sky Highway เป็นหนึ่งในถนนที่มีทัศนียภาพที่งดงาม
• ระหว่างทางเราจะแวะชมสิ่งที่น่าสนใจดังนี้
• Britannia Mine Museum เจาะลึกประวัติศาสตร์การขุดของ British Columbia เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเหมืองทองแดงที่ผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษ พิพิธภัณฑ์เหมืองบริทาเนียมุ่งเน้นไปที่ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของเหมืองทองแดงที่นี่ ซึ่งเฟื่องฟูในช่วงทศวรรษที่ 1920 และ 1930 คุณจะได้รับโอกาสในการขึ้นรถไฟและมุ่งหน้าไปยังเหมืองในอุโมงค์ขนส่งสินค้ายุคแรกๆ เพื่อดูว่าต้องใช้อะไรบ้างในการเป็นคนงานเหมืองที่นี่ ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือการร่อนทองและอัญมณี
• เดินทางถึงเมือง Squamish Squamish เมืองทางตอนเหนือของแวนคูเวอร์ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา อยู่ที่ปลายสุดทางเหนือของเกาะ Howe Sound และล้อมรอบด้วยภูเขาเช่น Stawamus Chief ซึ่งเป็นหินแกรนิตก้อนใหญ่
• นั่งกระเช้ากอนโดลา (Gondola Cable Car Sea to Sky) ซึ่งเป็นกระเช้าพื้นกระจก ขึ้นกระเช้าเพื่อไปยังยอดเขาเพื่อชมทัศนียภาพจากมุมสูงได้โดยรอบที่สามารถมองเห็นยอดเขา ทะเลสาบ และธารน้ำแข็งที่จะต้องตะลึงในความสวยงามของธรรมชาติ
• รับประทานอาหารเที่ยง
• เดินทางต่อสู่ หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler)
• ระหว่างทางชม น้ำตกแชนนอน (Shannon Falls) และ ทะเลสาบ Cheakamus
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Hotel Whistler หรือเทียบเท่า*

หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler)

31 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 12 : หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler)

• รับประทานอาหารเช้า
• ศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นชนพื้นเมือง Squamish Lil’wat Cultural Centre ต้องไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติ หรือ SLCC เป็นศูนย์แห่งแรกในแคนาดาที่ให้คุณค่าและเข้าใจชุมชนพื้นเมือง SLCC นำเสนออดีตและปัจจุบันของสองวัฒนธรรม First National – (Squamish Nation, Coast Salish) และ (Lil’wat Nation, Interior Salish)
• เดินเล่นชมเมือง
• รับประทานอาหารเที่ยง
• PEAK 2 PEAK Sightseeing Gondola Summer Experience การนั่งเรือกอนโดลา PEAK 2 PEAK อันน่าทึ่งของ Whistler Blackcomb เป็นหนึ่งในรายการสิ่งที่ต้องทำใน Whistler ในช่วงฤดูร้อน คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อสร้างเสร็จ ลิฟต์ดังกล่าวได้ทำลายสถิติโลกมากมาย รวมถึงการเป็นระบบลิฟต์ต่อเนื่องที่ยาวที่สุดในโลก โดยเชื่อมต่อกอนโดลา 3 ตัวเข้าด้วยกัน เป็นลิฟต์ที่สูงที่สุดในระดับ 436 เมตร (1,427 ฟุต) เหนือพื้นหุบเขา เรือกอนโดลา PEAK 2 PEAK ใช้เวลา 11 นาที (ไป – กลับ 22 นาที) เพื่อไปยังยอดเขาจากนั้นจึงไปยัง Rendezvous Lodge จากที่นี่ คุณสามารถเข้าถึงเทือกเขาสูงของวิสต์เลอร์แบล็กคอมบ์เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆได้
• กลับลงมายังด้านล่าง ชมจุดชมวิวต่างๆเช่น Green Lake Lookout หรือ Rainbow Park
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Hotel Whistler หรือเทียบเท่า*

PEAK 2 PEAK Sightseeing Gondola Summer Experience

1 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 13 : หมู่บ้านวิสต์เลอร์ (Whistler) – แวนคูเวอร์ (Vancouver)

• รับประทานอาหารเช้า
• หลังจากนั้นเดินทางสู่ เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร
• แวนคูเวอร์ (Vancouver) เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ ปัจจุบันแวนคูเวอร์เป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือรองมาจาก ลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก จนมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “Hollywood North” และแวนคูเวอร์ยังเป็นสถานที่จัดแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2010 อีกด้วย
• เดินทางสู่ ท่าเรือซอร์วาสเซน (Tsawwassen Ferry Terminal) เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามช่องแคบจอร์เจียอันสวยงามสู่ “เกาะวิคตอเรีย” เมืองหลวงของรัฐบริติชโคลัมเบีย ระหว่างทางถ้าโชคดีท่านอาจจะมีโอกาสเห็นฝูงปลาโลมา และปลาวาฬเพชฌฆาต ว่ายวนอยู่ในบริเวณอ่าว
• ชม เมืองวิกตอเรีย (Victoria) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งสวน” (City of Gardens) อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) รัฐหนึ่งของประเทศแคนาดา ชม อาคารรัฐสภาในเมืองวิกตอเรีย (British Columbia Parliament Buildings) โดยตัวอาคารนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองวิกตอเรีย อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1893 -1896
• ถ่ายรูปกับ รูปปั้นพระนางเจ้าวิคตอเรีย แห่งประเทศอังกฤษ
• ชม สวนบีคอนฮิลล์ (Beacon Hill Park) อีกหนึ่งพื้นที่สีเขียวที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง โดยส่วนแห่งนี้มีพื้นที่ 75 ไร่ (185 เอเคอร์) อยู่ติดกับชายฝั่งทางตอนใต้ของเมืองวิกตอเรีย ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นที่สุดภายในส่วนก็คงจะเป็น “โทเทม” (Totem) หรือ “เสาโทเทม” (Totem pole) ซึ่งมีความสูงประมาณ 38.8 เมตร (127 ฟุต)
• รับประทานอาหารเที่ยง
• จากนั้นเข้าชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทเครคดารอค (Craigdarroch Castle Historical Museum) ซึ่งภายในมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุควิกตอเรียน และเป็นอีกหนึ่งอาคารที่ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติของแคนาดา อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
• เข้าชม สวนบูชาร์ด (Butchart Gardens) สวนดอกไม้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวนดอกไม้ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งมีอายุมากว่า 100 ปี จากการชอบตกแต่งสวนของครอบครัว บูชาร์ด นำท่านชมสวนดอกไม้และเดินชมบริเวณสวนที่ถูกจัดแต่งในหลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ มีทั้งการจัดสวนแบบชังเค่น,สวนแบบอังกฤษ, สวนญี่ปุ่น ฯลฯ
• นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่กลับสู่ แวนคูเวอร์ (Vancouver)
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Hilton Vancouver Metrotown

เมืองวิกตอเรีย (Victoria)

2 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 14 : แวนคูเวอร์ (Vancouver)

• รับประทานอาหารเช้า
• นำท่านเดินทางสู่ สะพานแขวนคาปิลาโน (Capilano Suspension Bridge) ที่พาดผ่านหน้าผาสูงชันของแม่น้ำ และได้รับการขนานนามว่าเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก
• แวะชมตัวเมือง แก๊สทาวน์ (Gas Town) จุดกำเนิดของชุมชนเมืองประมาณกว่าร้อยปี ชมนาฬิกาไอน้ำที่ ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี นำท่านชมนครแวนคูเวอร์ เมืองที่เงียบสงบและน่าอยู่ติดอันดับโลก เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้มีอากาศที่อบอุ่นและไม่หนาวเย็นจนเกินไปในฤดูหนาว ผ่านชมย่านธุรกิจการค้าสำคัญชมท่าเรือสำหรับเรือสำราญขนาดยักษ์
• รับประทานอาหารเที่ยง
• จากนั้นนำท่านสู่ สวนสแตนเลย์ (Stanley Park) สวนสาธารณะที่ได้รับการบริจาคที่ดินมาจากชาวเมืองแวนคูเวอร์ ปัจจุบันนี้เปรียบเสมือนป็นปอดที่สำคัญของชาวเมือง ชมแท่ง เสาโทเท็ม (Totem Poles) สัญลักษณ์ของชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียแดง
• ผ่านชมย่านธุรกิจการค้าสำคัญ ชมท่าเรือสำหรับเรือสำราญขนาดยักษ์ เก็บภาพความงดงามทางสถาปัตยกรรมของอาคารแคนาเดียน เพลส (Canada place) สถาปัตยกรรมหลังคารูปใบเรือสีขาว คล้ายโรงโอเปร่า เฮาส์ ของนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย
• ให้ท่านได้ใช้เวลาตามอัธยาศัย
• กิจกรรมเสริมเพิ่มเติมได้ เช่น กิจกรรมล่องเรือดูวาฬ (Whale watching) / สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Vancouver Aquarium) ***มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม***
• รับประทานอาหารเย็น
• 22.00 น. เดินทางสู่ สนามบินเมืองแวนคูเวอร์

สะพานแขวนคาปิลาโน (Capilano Suspension Bridge)

แวนคูเวอร์ (Vancouver)

3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 15 : แวนคูเวอร์ (Vancouver) – ไทเป (Taipei)

• 02.00 น. เดินทางสู่ ไทเป (Taipei) ด้วยไฟลต์บิน BR 9 สายการบิน Eva Air ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหาร สิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 40 นาที)

4 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 16 : ไทเป (Taipei) – กรุงเทพ

• **เราข้ามเส้น Time Zone ทำให้เวลาเร็วกว่า 1 วัน**
• 04.40 น.  เดินทางถึง ไทเป (Taipei)
• รอต่อเครื่องเดินทาง พักเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 45 นาที
• 08.25 น. เดินทางสู่กรุงเทพ ด้วยไฟลต์บิน BR 211 สายการบิน Eva Air ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหาร สิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 3 ชั่วโมง 45 นาที)
• 11.10 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ