ทัวร์ มาดากัสการ์ รีอูนียง 2 เกาะใหญ่แห่งมหาสมุทรอินเดีย ส่วนผสมที่ลงตัวของ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
07.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Air Austral
09.50 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่ สนามบินโรลอง การ์รอส ด้วยไฟลต์บิน UU 888 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.35 ชั่วโมง) สายการบินบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน
14.25 น. เดินทางถึง สนามบินโรลอง การ์รอส (Roland Garros) เกาะเรอูนียง (Reunion) หลังจากนั้นให้ท่านได้พักเปลี่ยนเครื่อง ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
15.30 น. ออกเดินทางสู่ ประเทศมาดากัสการ์ ด้วยสายการบิน Air Austral ไฟลต์บิน UU611
16.30 น. เดินทางถึง สนามบินอิวาโต (Ivato International Airport) แห่งกรุงอันตานานาริโว (Antananarivo) ประเทศมาดากัสการ์ (Madagascar) แผ่นดินมหัศจรรย์ สวรรค์ของผู้รักธรรมชาติ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เย็น นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองหลวงอันทานานาริโว ที่ท่านจะได้พบเห็นรูปแบบการดำรงชีวิตในเมืองหลวงที่วุ่นวายแต่คลาสิค การตากผ้ากับพื้นริมถนนแบบชาวมาลากาซี (Malagasy) หรือรถแท็กซี่สีขาวเรโนลต์ อายุกว่า 50 ปี รถโบราณรุ่นน่ารักกะทัดรัดแต่มากด้วยประสิทธิภาพ จากประเทศฝรั่งเศส ที่ยังคงวิ่งให้บริการเป็นรถแท็กซี่ และได้รับความนิยมใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งได้รับการส่งเสริมให้อนุรักษ์ไว้เป็นมรดกตกทอดอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand Urban hotel หรือเทียบเท่า
เมืองหลวงอันทานานาริโวก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางมุ่งหน้าจากเมือง อันดาสิเบ (Andasibe) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของอันตานานาริโว เข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติอันดาสิเบ (Andasibe Mantadia National Park)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ picnic
บ่าย
นำท่านสู่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน (Réeserve Peyrieras Madagascar) เพื่อนำท่านเข้าชมกิ้งก่าคามิลเลียนสายพันธุ์ต่างๆ (Chameleons) เขตรักษาพันธุ์สัตว์แห่งนี้บริหารงานโดยเอกชน และก่อตั้งโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสนามว่า André Peyriéras ผู้ซึ่งเป็นคนเก็บสะสมสัตว์เลื้อยคลายสายพันธุ์ต่างๆเอาไว้ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งพระเอกของที่นี่ก็คือบรรดากิ้งก่าคามิลเลียนหลากหลายสายพันธุ์ ตุ๊กแกแอฟริกา กบ อีกัวน่า รวมถึงสัตว์ใหญ่อย่างจระเข้ และรวมถึงผีเสื้อด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เห็นลีเมอร์สายพันธุ์ประจำถิ่นอย่าง Sifaka หรือ Common brown lemur ท่านจะได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปสัตว์โลกเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด
ค่ำ นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mantadia Lodge หรือ เทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
กิจกรรมช่วงกลางคืน นำท่านออกชมสัตว์เลื้อยคลานในยามค่ำคืน (Nocturnal visit at Mitsinjo Communitary Reserve) ที่ท่านจะได้มีโอกาสพบกับลีเมอร์สายพันธุ์ท้องถิ่นที่พบได้ในช่วงกลางคืน เช่น Goodman’s Mouse Lemur (Microcebus lehilahytsara) หรือ Greater Dwarf Lemur (Cheirogaleus major) รวมถึงบรรดาสัตว์เลื้อยคลาน เช่น Leaf-tailed Geckos (Uroplatus sikorae) รวมถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่าง common tree frogs (Boophis viridis)
เขตรักษาพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน (Réeserve Peyrieras Madagascar)
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติอนาลามาโซตรา (Analamazaotra Special Reserve) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของอันตานานาริโว และเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติอันดาสิเบ (Andasibe–Mantadia National Park) ที่ได้ถูกจารึกไว้ในมรดกโลกในปี 2007 เพื่อเข้าชมความงามของธรรมชาติ และสัมผัสระบบนิเวศน์ในแบบป่าฝนของแอฟริกา เดินสำรวจธรรมชาติระยะสั้น เพื่อตามหา อินดรี – อินดรี (Indri Indri) สายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นลีเมอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งลีเมอร์ อินดรี – อินดรี มีขนาดโตเทียบเท่ากับเด็กโต (สูงประมาณ150 เซนติเมตร) ล าตัวมีสีขาวด า และมีหูเป็นพู่กลมขนาดใหญ่ นอกจากนี้เสียงของ อินดรี – อินดรี นั้นสามารถได้ยินไปไกลหลายกิโลเมตรอีกด้วย นอกจากนั้นท่านยังสามารถพบสายพันธุ์อื่นๆ ได้ด้วย เช่น Bamboo lemur, Woolly lemur กิ้งก่าสีสันสดใส หรือแมลงต่างๆ มากมายหลากหลายสายพันธุ์กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ โรงแรมที่พัก
บ่าย
นำท่านเข้าสู่ เกาะลีเมอร์ (Lemur Island) ซึ่งเป็นสถานที่อนุรักษ์ลีเมอร์ที่มีชื่อเสียงแห่งเกาะมาดากัสการ์ ให้ท่านได้สัมผัสความน่ารักของลิเมอร์ หลากหลายสายพันธุ์อย่างใกล้ชิด โดยการลงเรือแคนู ไปยังเกาะต่างๆ ที่มี ลีเมอร์อาศัยอยู่มากมาย โดยเฉพาะ เกาะลีเมอร์หางแหวน (Ring tailed) ที่มีลวดลายที่หางสวยงามเป็นวงแหวนสลับสีขาวดำ มีการเคลื่อนไหวร่างกายเหมือนลีลาการเต้นระบำ ให้อิสระท่านได้เก็บภาพความน่ารัก และเล่นกับลิเมอร์นานาชนิดตามอัธยาศัย
ค่ำ นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Mantadia Lodge หรือ เทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
กิจกรรมช่วงกลางคืน นำท่านออก ชมเกาะลีเมอร์ในยามค่ำคืน (Nocturnal visit at Lemur island) นำท่านกลับมายังเกาะลีเมอร์อีกครั้ง เพื่อให้ท่านได้มีโอกาสรับบรรยากาศการชมลีเมอร์ในยามค่ำคืน ณ เกาะแห่งนี้
อินดรี – อินดรี (Indri Indri) สายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นลีเมอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พบได้ใน อุทยานแห่งชาติอนาลามาโซตรา (Analamazaotra Special Reserve)
ลีเมอร์หางแหวน (Ring tailed)
ลีเมอร์หางแหวน (Ring tailed) ผู้โด่งดัง
Common brown lemur เกาะหลังนักท่องเที่ยว
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
09.00 น. ออกเดินทางกลับสู่ เมืองหลวงอันทานานาริโว (Antananarivo) ระยะทาง 170 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 – 5 ชม. โดยประมาณ)
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ สวนลีเมอร์ (Lemur’s Park)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand Urban hotel หรือเทียบเท่า
Red-fronted lemur
Bamboo lemur
25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
10.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเช็คอิน ณ สนามบินอิวาโต สู่เมือง โมรอนดาวา (Morondava)
12.15 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน Air Madagascar ไฟล์บิน TZ702 สู่ เมืองโมรอนดาวา (Morondava)
13.15 น. เดินทางถึง สนามบินโมรอนดาวา (Morondava) ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ มีชายฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศโมซัมบิก โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง
หลังจากนั้นนำท่าน ***รับประทานอาหารเที่ยงแบบ Seafood*** โดยอาหารในมื้อนี้จะเป็น ปูทะเล กุ้งลอบสเตอร์ ปรุงสดที่นำมาโดยชาวประมงท้องถิ่นจากมหาสมุทรอินเดีย
14.20 น. จากนั้นเดินทางเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นมุ่งหน้าสู่ ป่าแล้งคิรินดี (Kirindy Dry Forest) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะผ่านหมู่บ้านชาวมาลากาซี (Malagasy) ซึ่งมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และท่านจะได้เริ่มเห็นต้นเบาบับที่เริ่มให้เห็นได้ในระยะสายตาอย่างสวยงาม
เย็น
นำท่านสัมผัสกับ กิจกรรมการส่องสัตว์ (Nocturnal visit) เพื่อตามหาบรรพบุรุษและที่มาของคำว่า Lemur รวมถึงสัตว์ต่างๆประจำถิ่น ซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้ในเวลากลางวัน เพราะสัตว์ต่างๆ เหล่านั้นจะนอนในเวลากลางวัน และเริ่มออกหากินในเวลาพลบค่ำ โดยเฉพาะ ลีเมอร์สายพันธุ์แรก (Madame Berthe’s Mouse Lemur) ที่มาอาศัยอยู่เมื่อกำเนิดเกาะกว่า 60-80 ล้านปีก่อน ถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีขนาดลำตัวเฉลี่ยประมาณ 3-4 นิ้ว หนักเพียง 30 กรัม มีรูปร่างลักษณะแตกต่างไปจากลีเมอร์ทั่วไป ตัวเล็ก ตากลมโต มีนิ้วมือเล็กยาว หางปลายม้วน กินอาหารประเภท ใบไม้ ผลไม้ และแมลงต่างๆ ปัจจุบันถูกจัดอยู่ในระดับความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ถือว่าเป็นสัตว์แปลกหายาก และเป็นตระกูลลีเมอร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดบนเกาะมาดากัสการ์ ก่อนที่จะมีวิวัฒนาการหลายหลายขนาด และสายพันธุ์ในเวลาต่อมา
หมายเหตุ : สามารถเตรียมไฟฉาย หรือไฟฉายแบบคาดหัว ส่วนตัวมาได้
ค่ำ นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Relais Du Kirindy
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศอันเงียบสงบของป่าแล้งแอฟริกาอย่างแท้จริง
Madame Berthe’s mouse lemur สายพันธุ์ลีเมอร์ที่ตัวจิ๋วที่สุดในโลก
ที่พักกลางป่าแล้งคิรินดี
ต้นเบาบับจากสายพันธุ์ Adansonia grandidieri พบได้ที่มาดากัสการ์เท่านั้น
26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ ป่าแร้งคิรินดี (Kirindy Dry Forest) อีกครั้ง ที่นี่คือหนึ่งในระบบนิเวศน์ที่มีความแปลกประหลาดมาก ซึ่งมีความแตกต่างจากป่าฝนที่อุทยานแห่งชาติฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นป่าที่มีต้นไม้และหญ้าแห้งขึ้นปกคลุมจนได้สมญานามว่า “ป่าแล้ง” โดยป่าแห่งนี้ยังคงเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะ Fossa (cryptoprocta ferox) สัตว์นักล่าประจำถิ่นที่สามารถพบได้ที่มาดากัสการ์เท่านั้น หรือ ลีเมอร์บางสายพันธุ์ที่ต้องอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในป่าแล้งเท่านั้น เช่น Sifaka, Common brown lemur นอกจากนี้ยังเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิดที่มีรูปร่างแปลกตา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพสัตว์ป่านานาพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้ ณ ป่าแล้งแห่งนี้ (ใช้ระยะเวลาทำกิจกรรมประมาณ 2-3 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารภายในโรงแรม
13.00 น. นำท่านเดินทางมุ่งหน้าสู่ Avenue of the Baobabs ซึ่งมีต้นเบาบับขึ้นตลอดช่วงสองข้างทางมากมาย ต้นเบาบับถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาดากัสการ์ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดเฉลี่ย 1,000 – 3,000 ปี และสามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 6000 ปี ถือเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สุดในโลก นำท่านแวะชมและถ่ายรูปกับ ต้นเบาบับรักกัน (Baobab Amoureux) หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Baobab lover ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก และ Sacred Baobab ที่โด่งดัง
ท่านจะได้เพลิดเพลินกับ ถนนแห่งต้นเบาบับ (Avenue of the Baobabs) เต็มไปด้วยแนวต้นเบาบับมากมาย รูปทรงสวยงามแปลกตาทอดยาวไปตามถนนกว่า 260 เมตร และบางต้นนั้นมีความสูงกว่า 30 เมตร มีอายุมากกว่า 800 ปี ส่วนใหญ่เป็นต้นเบาบับจากสายพันธุ์ Adansonia grandidieri ซึ่งมีทั้งหมด 8 สายพันธุ์ โดย 6 ใน 8 อยู่ในมาดากัสการ์ และทุกส่วนของต้นเบาบับไม่ว่าจะเป็น ใบ ราก ผล เปลือก สามารถนำมาใช้ประโยชน์และเป็นยาได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะน้ำมันสกัดจากเมล็ดที่อุดมด้วยวิตามิน นิยมนำมาผสมในครีมบำรุงผิว และเครื่องสำอาง เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการทั้งใน EU และสหรัฐอเมริกาจนได้รับสมญานามว่า Tree of Life หรือต้นไม้แห่งชีวิต
อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความอัศจรรย์ทางธรรมชาติของป่าเบาบับ บริเวณเบาบับอเวนิว และรอชมพระอาทิตย์ตก (sunset) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามอย่างยิ่งของผืนป่าเบาบับแห่งนี้ ได้เวลานำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก ณ เมืองโมรอนดาวา
ค่ำ นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Palissandre Cote Ouest Hotel
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
Sifakas พบได้ที่ป่าแล้งคิรินดี
ถนนแห่งต้นเบาบับ (Avenue of the Baobabs)
ก่อนพระอาทิตย์ตก ถนนแห่งต้นเบาบับ (Avenue of the Baobabs)
ช่วงเวลาที่แสนโรแมนติค
27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
ให้ท่านได้มีอิสระในเวลาช่วงเช้า ณ รีสอร์ท ซึ่งท่านสามารถเดินเล่นที่ชายหาด เล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำในสระน้ำ หรือจะใช้บริการสปา (spa) ภายในรีสอร์ทได้เช่นกัน
รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก
13.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองโมรอนดาวาเพื่อเช็คอิน
13.50 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน Tsaradia ไฟล์บิน TZ 703 สู่เมืองหลวงอันทานานาริโว
14.50 น. เดินทางถึง สนามบินอิวาโต (Ivato International Airport) เมืองหลวงอันทานานาริโว
จากนั้นนำท่านเที่ยวชม ตลาดสินค้าหัตถกรรม (Craft market) หรือที่มีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นคือ ตลาด La Digue ซึ่งท่านจะได้พบกับสินค้าหัตถกรรมหลากหลายชนิดจากฝีมือของชาวมาลากาซีโดยแท้จริง แน่นอนว่าสินค้าทุกอย่างภายในตลาดแห่งนี้สามารถต่อรองราคาได้อย่างสนุกสนานไปกับสีสรรแห่งการใช้ชีวิตของพวกเขา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand Urban hotel หรือเทียบเท่า
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเที่ยวชมเมืองหลวงอันทานานาริโว พระราชวังราชินี Queen palance (Rova), ที่ทำการรัฐบาล (Prime Minister’s Rainilaiarivony’s Palace) และทัศนียภาพของเมืองหลวงพร้อมกับ ทะเลสาบรูปหัวใจ (Anosy) จากบนยอดเขาซึ่งสามารถมองเห็นเมืองอันทานานาริโวได้ทั่วทั้งเมือง
12.00 น. ออกเดินทางจากสนามบินมอริเชียส สู่ สนามบินโรลอง การ์รอส เกาะเรอูเนียง ด้วยไฟล์บิน UU105 สายการบิน Air Austral (ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาที)
13.00 น. เดินทางถึง สนามบินโรลอง การ์รอส (Roland Garros) เกาะเรอูเนียง
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแซงต์ เดอนีส์ (Saint–Denis) เมืองหลวงของเกาะเรอูนียง (Reunion) โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดของเกาะ เพื่อชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ เช่น อาคาร บ้านเรือน สถาปัตยกรรมรูปแบบของชาวครีโอล โบสถ์คาทอลิคและพิพิธภัณฑ์ จากนั้นนำท่านไปยังจุดชมวิวยามเย็นลาบาราชัวส์ เพื่อสัมผัสความสวยงามของเกาะเรอูนียง และเพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลายจากการเดินทางบนเครื่องบินที่ยาวนาน
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก ผ่าน ถนนเลียบชายฝั่งที่สวยงาม (Route du littoral) จากการขนาบข้างฟากหนึ่งของถนนด้วยท้องทะเลสีฟ้าสดใส และอีกฝากหนึ่งด้วยหินผาขนาดมหึมาตลอดเส้นทาง
อภิมหาโปรเจคแห่งเกาะเรอูนิยง (La nouvelle route du littoral NRL) คือการสร้างทางด่วนบนมหาสมุทรอินเดียเลาะเลียบไปกับถนนบนเกาะ เนื่องจากการจราจรในฝั่งด้านเหนือของเกาะเป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่ๆที่อยู่ติดกัน ไม่ว่าจะเป็น Saint-Denis หรือ Saint-Paul ทุกๆวันมีรถวิ่งผ่านไปมาจำนวนหลายหมื่นคัน แต่ปัญหาคือเนื่องจากถนนเส้นเดิมสร้างอยู่บนพื้นที่เลียบกับหน้าผาสูงทำให้เกิดมีการเกิดดินถล่มหรือเส้นทางผิดอยู่บ่อยครั้ง และการเกิดปัญหาแต่ละครั้งสร้างปัญหาผลกระทบอย่างใหญ่หลวง รัฐบาลกลางที่ปารีสจึงทุ่มงบมามหาศาลลงมายังเกาะเรอูนิยง ที่ถือว่าเป็นจังหวัดโพ้นทะเลที่อยู่ไกลที่สุด เพื่อสร้างถนนเลียบเกาะที่ปักเสาลงไปยังพื้นมหาสมุทรความยาวกว่า 12.5 กิโลเมตร เพื่ออ้อมเกาะในช่วงที่เกิดปัญหามากที่สุด ด้วยงบการก่อสร้าง 1.66 พันล้านยูโร ปัจจุบันตอนนี้ถึงแม้การก่อสร้างจะยังไม่สำเร็จสมบูรณ์แต่เราสามารถเห็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างชัดเจนครับ
ค่ำ เข้าสู่โรงแรมที่พัก Le Boucan Canot หรือ เทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
พระราชวังราชินี Queen palance (Rova)
เมืองแซงต์ เดอนีส์ (Saint-Denis) เมืองหลวงของเกาะเรอูนียง (Reunion)
29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ ทุ่ง แปลน เด ซาบล์ส (Plaine des Sables) เพื่อชมหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกที่สวยงามและอัศจรรย์ยิ่ง โดยลัดเลาะผ่านหมู่บ้านเล็กๆบน ที่ราบสูง Plaine des cafres ที่รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าปศุสัตว์อันเขียวขจี เพื่อสัมผัสความเป็นชนบทบนเกาะแห่งภูเขาไฟ โดยท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากความเขียวขจีของทุ่งหญ้าและหุบเขา จนถึงความแห้งแล้งเป็นผงกรวดของลาวาเสมือนผิวดวงจันทร์
นำท่านแวะจุดชมวิว เพื่อถ่ายรูปอันน่าประทับใจ และยิ่งใหญ่ของเทือกเขาที่สลับซับซ้อนตระการตา Riviere des Remparts จากนั้นมุ่งหน้าสู่ Pas de Bellecombe ชมความยิ่งใหญ่ของ ภูเขาไฟปีตงเดอลาฟูร์แนซ (Piton de la Fournaise) ภูเขาไฟรูปโล่ หรือยอดเขาแห่งเตาหลอม ที่ตั้งอยู่บนปลายเกาะเรอูนียงทางตะวันออก มีความสูง 2,632 เมตร ซึ่งบางครั้งเรียกว่าเป็นพี่น้องกับภูเขาไฟเกาะฮาวาย เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันทางด้านภูมิอากาศและธรรมชาติ ภูเขาไฟ ปีตงเดอลาฟูร์แนซนั้น ถือเป็นจุดกำเนิดของเกาะเมื่อประมาณ 3 ล้านปีก่อน และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเป็นมรดกโลก จากนั้นทำท่านเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟ (Citée du Volcan)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านแวะ สวนพฤกษศาสตร์ Domain du caf grille ที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะ เพื่อชมธรรมชาติ พร้อมกับการเรียนรู้ระบบนิเวศน์ของเกาะแห่งแอฟริกาตะวันออก ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของพันธุ์ไม้ และดอกไม้ที่แปลกตามากมาย ซึ่งได้รวบรวมไว้ ณ สวนแห่งนี้
จากนั้นนำท่านพบกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวเรอูนียง ซึ่งมีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี กาแฟ Bourbon Pointu เป็นกาแฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งเกาะเรอูนียง (เดิมเกาะเรอูนียง มีชื่อว่าเกาะ Bourbon) ซึ่งกาแฟ Bourbon Pointu ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1711 โดยปัจจุบันยังคงใช้วิธีการเก็บเกี่ยว และผลิตแบบดั้งเดิมอยู่ จึงทำให้มีกลิ่นหอม และได้รสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร จนทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย (One of the finest in the world by connoisseurs)
ค่ำ นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Le Boucan Canot หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
ปากปล่องภูเขาไฟ Piton de la Fournaise
ทะเลทรายริมภูเขาไฟ (Pas de Sables)
30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
07.00 – 09.00 น. กิจกรรมเพิ่มเติม การขึ้นสู่เฮลิคอปเตอร์ (Helicopter tour) ท่านจะมีได้ชมทัศนียภาพของเกาะเรอูนียงจากมุมสูง ซึ่งหลายๆจุดเป็นจุดที่รถไม่สามารถเข้าถึงได้ทางถนน และสามารถมองเห็นได้จากมุมมองด้านบนเท่านั้น เฮลิคอปเตอร์จะนำพาท่านไปยังจุดสำคัญทั่วทั้งเกาะภายในระยะเวลา 50 นาที ตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่บนฟ้า ท่านจะได้พบกับความยิ่งใหญ่ตระการตาของหุบเขากลางเกาะที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ (Three Cirques) และมีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ภายในเป็นภาพที่ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงสุดยอด น้ำตก Trou de Fer ที่เป็นภาพติดตาของเกาะเรอูนียงไปทั่วโลก และปิดท้ายด้วยการท่อง ปากปล่องภูเขาไฟปีตงเดอลาฟูร์แนซ (Piton de la Fournaise) อีกครั้ง
***ทั้งนี้ กิจกรรมเฮลิคอปเตอร์ เป็นกิจกรรมที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ ไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ เส้นทางที่เฮลิคอปเตอร์จะเดินทางไปได้ จะรู้ได้ก่อนเดินทางเท่านั้นโดยนักบินจะเป็นผู้แจ้งก่อนเดินทางเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นการไปทั้งเกาะหรือเพียงบางส่วนของเกาะเท่านั้นครับ โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะสรุปแน่นอนเมื่อทราบเส้นทางบินที่ชัดเจนในวันเดินทาง***
สำหรับท่านที่ไม่ได้ขึ้นกิจกรรมเฮลิคอปเตอร์ ท่านสามารถพักผ่อนภายในโรงแรม จนกระทั่งเช็คเอาท์และกลับมารวมกลุ่มพร้อมเดินทางกันในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.
นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองแซงต์ เดอนีส์ (Saint–Denis) นำท่านเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจต่างๆภายในเมือง เช่น โบสถ์กลางประจำเมือง (Cathédrale de St-Denis) หรือ Hôtel de Ville de Saint-Denis
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
13.00 น. ให้ท่านได้มีอิสระในการเลือกซื้อสินค้าที่บนถนนสายช็อปปิ้งชื่อดังของ เมืองแซงต์ เดอนีส์ (Saint–Denis) ที่ ถนน Rue du Maréchal Leclerc รวมถึงการเลือกซื้อสินค้ายังตลาดกลาง Central Market โดยถนนเส้นนี้จะเป็นถนนคนเดินที่ไม่อนุญาตให้ยานพาหนะเข้ามาได้ ท่านจะได้เลือกซื้อสินค้าอย่างสะดวกสบาย ณ สถานที่แห่งนี้
15.00 น. เดินทางถึง สนามบินโรลอง การ์รอส (Roland Garros)
18.00 น. ออกเดินทางจากเกาะเรอูเนียง กลับสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยไฟล์บิน UU887 สายการบิน Air Austral (ใช้เวลาบินประมาณ 7.35 ชั่วโมง) สายการบินบริการอาหารค่ำบนเครื่องบิน)
น้ำตก Trou de Fer
ปากปล่องภูเขาไฟปีตงเดอลาฟูร์แนซ (Piton de la Fournaise)
31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
04.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ : หากกรณีเกิดเหตุจำเป็น หรือสุดวิสัย เช่น การล่าช้าของสายการบิน อาจมีผลต่อการปรับโปรแกรม ทั้งนี้ทางเราจะคำนึงถึง และรักษาผลประโยชน์ของลูกทัวร์ให้มากที่สุด
378 Soi Thoedthai 19, Khwaeng Bang Yi Ruea, Khet Thon Buri, Bangkok 10600, Thailand
Everyday working 12.00 – 19.00