แสงใต้ เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับนักเดินทางและผู้ชื่นชอบธรรมชาติทั่วโลก แสงสีที่เปลี่ยนแปลงไปมาในท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ไม่เพียงแต่มอบความงามที่หาที่เปรียบไม่ได้ แต่ยังเล่าเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการเกิดขึ้นของมันอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปยัง 10 สถานที่ที่ดีที่สุดทั่วโลกที่คุณสามารถเดินทางไปชมแสงใต้ และ สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินี้ได้
- 1. ทัสมาเนีย (Tasmania) ออสเตรเลีย
- 2. เกาะสจวร์ต (Stewart Island) นิวซีแลนด์
- 3. อูซัวยา (Ushuaia) อาร์เจนตินา
- 4. ดะนีดิน (Dunedin) นิวซีแลนด์
- 5. โฮบาร์ต (Hobart) ออสเตรเลีย
- 6. เกาะเซาท์จอร์เจีย (South Georgia) อาณานิคมของอังกฤษ
- 7. ควีนส์ทาวน์ (Queenstown) นิวซีแลนด์
- 8. พอร์ตเอลิซาเบท (Gqeberha) แอฟริกาใต้
- 9. ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) ชิลี
- 10. อินเวอร์คาร์กิลล์ (Invercargill) นิวซีแลนด์
- คำแนะนำสำหรับการชมแสงใต้
1. ทัสมาเนีย (Tasmania) ออสเตรเลีย
ทัสมาเนียไม่เพียงเป็นสถานที่ชมแสงใต้ที่สวยงาม แต่ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของธรรมชาติที่หลากหลายและอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม การไปชมแสงใต้ที่นี่คุณไม่เพียงได้พบกับแสงออโรร่าที่หลากหลายสีสัน แต่ยังมีโอกาสสำรวจธรรมชาติที่ยังคงสภาพดิบเดิม การเดินป่าในอุทยานแห่งชาติ การสัมผัสกับสัตว์ป่าที่หาไม่ได้ที่อื่น เช่น แทสเมเนียนเดวิล นำพาคุณเข้าสู่ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
2. เกาะสจวร์ต (Stewart Island) นิวซีแลนด์
เกาะสจวร์ต เป็นดินแดนแห่งการเงียบสงบ ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์สำหรับการชมแสงออโรร่าในความมืดสงบของคืน แต่ยังเป็นที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบช้าๆ การเดินเล่นบนชายหาดที่เงียบสงบ การสำรวจป่าไม้โบราณ และการพบกับสัตว์ป่าในธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น นกเคียวี ช่วยเพิ่มความมหัศจรรย์ให้กับการเดินทางของคุณ
3. อูซัวยา (Ushuaia) อาร์เจนตินา
อูซัวยา หรือเมืองที่อยู่ใกล้ขั้วโลกที่สุดในโลก ให้โอกาสที่ไม่เหมือนใครในการชมแสงใต้จากจุดที่ห่างไกล การผจญภัยไปยังปลายสุดของโลกนี้ไม่เพียงแต่ให้โอกาสในการชมออโรร่าแต่ยังเป็นการสัมผัสกับวัฒนธรรมและธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของอาร์เจนตินาในแบบที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
4. ดะนีดิน (Dunedin) นิวซีแลนด์
ดะนีดิน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ มักได้รับการชมเชยว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในนิวซีแลนด์สำหรับการชมแสงออโรร่า ความท้าทายในการชมแสงใต้จากที่นี่คือต้องติดตามสภาพอากาศและกิจกรรมของแสงออโรร่าอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับปรากฏการณ์นี้
5. โฮบาร์ต (Hobart) ออสเตรเลีย
เมืองโฮบาร์ตของทัสมาเนียไม่เพียงแต่เป็นจุดชมแสงใต้ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นที่ตั้งของหลายๆ กิจกรรมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ การชมแสงออโรร่าจากหลายจุดรอบๆ เมืองเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่เยือนเกาะนี้
6. เกาะเซาท์จอร์เจีย (South Georgia) อาณานิคมของอังกฤษ
เกาะเซาท์จอร์เจีย อยู่ห่างไกลในภาคใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่ของประวัติศาสตร์การสำรวจขั้วโลก แต่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมแสงออโรร่า การเดินทางมาที่นี่ต้องการการวางแผนอย่างรอบคอบและความพร้อมในการผจญภัย
7. ควีนส์ทาวน์ (Queenstown) นิวซีแลนด์
ควีนส์ทาวน์ นอกจากจะเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยแล้ว ยังเป็นจุดที่เหมาะสมในการชมแสงออโรร่าในฤดูหนาว ท้องฟ้าที่มืดสนิทในช่วงคืนเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับออโรร่าออสเตรเลียส์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่รอบนอกของเมืองที่แสงสนิทน้อยลง
8. พอร์ตเอลิซาเบท (Gqeberha) แอฟริกาใต้
แม้แอฟริกาใต้จะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับจุดชมแสงใต้ในฮีมิสเฟียร์ใต้ แต่พอร์ตเอลิซาเบทบางครั้งก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการสัมผัสกับแสงออโรร่าในช่วงกิจกรรมแสงออโรร่าที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่หรือเยือนภูมิภาคนี้
9. ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) ชิลี
ปุนตาอาเรนัส ตั้งอยู่ในภาคใต้สุดของชิลี ให้โอกาสในการชมแสงออโรร่าอย่างน่าประทับใจ ที่นี่คุณสามารถชื่นชมความงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้สิ่งกีดขวางและแสงสนิทน้อย ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ชมแสงออโรร่าที่เหมาะสมที่สุดในอเมริกาใต้
10. อินเวอร์คาร์กิลล์ (Invercargill) นิวซีแลนด์
อินเวอร์คาร์กิลล์ ในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โดดเด่นสำหรับการชมแสงออโรร่าออสเตรเลียส์ ด้วยทำเลที่ตั้งใกล้กับขั้วโลกใต้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการชมแสงออโรร่าคือระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน ท้องฟ้าที่มืดและใสทำให้การชมแสงใต้ที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถลืมได้
คำแนะนำสำหรับการชมแสงใต้
- วางแผนล่วงหน้า: ตรวจสอบสภาพอากาศและกิจกรรมของแสงออโรร่าเพื่อเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับปรากฏการณ์นี้
- เตรียมเครื่องแต่งกาย: พื้นที่สำหรับชมแสงใต้ส่วนใหญ่มีอากาศหนาวเย็น การมีเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถรอคอยแสงออโรร่าได้อย่างสบายขึ้น
- ใช้กล้องที่เหมาะสม: การถ่ายภาพแสงออโรร่าอาจเป็นเรื่องท้าทาย การมีกล้อง DSLR และขาตั้งกล้องจะช่วยให้คุณบันทึกความงามของแสงออโรร่าได้อย่างชัดเจน
- อดทน: แสงออโรร่าอาจปรากฏขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ หรืออาจต้องรอนานหลายชั่วโมง การมีความอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการสัมผัสกับปรากฏการณ์นี้
- ความเข้าใจ: ศึกษาเกี่ยวกับแสงออโรร่าเพื่อเข้าใจวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับมันได้มากขึ้น
การเดินทางไปชมแสงใต้ต้องการการวางแผนและความอดทน แต่ประสบการณ์ที่ได้รับนั้นไม่มีอะไรเทียบได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกสถานที่ใดจากสิบจุดที่เราเเนะนำมานี้ แต่ละที่มีเสน่ห์และความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้การไล่ตามแสงใต้กลายเป็นการผจญภัยที่ไม่เหมือนใคร ความสำเร็จในการเห็นแสงออโรร่าไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพอากาศและกิจกรรมแสงออโรร่าในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้